ศาลเลื่อนฟังคำสั่ง ‘ธนาธร’ ฟ้อง 7 กกต.ร้องยุบพรรคปมเงินกู้โดยมิชอบ ศาลนัดฟังคำสั่ง 2 เม.ย.รอศาล รธน.อ่านคำพิพากษาก่อน ส่งข้อเท็จจริงการดำเนินการสืบสวนไต่สวนคดีนี้ตามคำสั่งศาลเเล้ว

ศาลเลื่อนฟังคำสั่ง / เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดฟังคำสั่งในคดีหมายเลขดำ อท.185/2562 ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ พรรคอนาคตใหม่ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง นายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อนประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค., นายนิยต ดำรงประภักดิ์, นายสุชาติ เพชรอาวุธ ทั้ง 3 เป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน,

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

พ.ต.ต.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต., นางสุกัญญา รัตนนาคินทร์, พล.ท.สมชาย ชัยวณิชยา, พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้ง 3 เป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย, นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต., นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี, นายปกรณ์ มหรรณพ, นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ, นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้ง 7 เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14

ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่า ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86 กรณีมีการทำสำนวนคดียุบพรรค อนค.ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.62 ที่ผ่านมานั้น

คดีนี้ศาลมีคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อให้ได้ความชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีที่จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงอาศัยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 16 วรรคหนึ่ง และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ข้อ 3 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 23 เห็นสมควร ให้มีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการสืบสวน, การไต่สวน, การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานและการดำเนินคดี

กรณีกล่าวหาว่า นายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมเงินอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่ามีขั้นตอน-วิธีการสืบสวน, ไต่สวน, การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามกฎหมาย, กฎ, ประกาศ, ระเบียบ, ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด อย่างไร โดยให้ สำนักงาน กกต.จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ศาล ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป

โดยการนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันนี้ทนายโจทก์ทั้งสองมาศาล

โดยตามที่ศาลมีหนังสือที่ศย 300.012/ สค.15ลงวันที่ 6 ม.ค.2563 ถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยให้มีหนังสือชี้แจ้งข้อเท็จจริงต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ปรากฏว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหนังสือขอขยายระยะเวลาการชี้แจ้งข้อเท็จจริงตามหนังสือที่ลต 0019/556 ลงวันที่ 22 ม.ค.2563 “ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงปรากฏตามรายละเอียดเอกสารที่ส่งถึงศาล และมีคำสั่งให้แยกเก็บเป็นเอกสารลับห้ามคู่ความตรวจสอบและคัดถ่ายโดยเด็ดขาด”

โดยศาลสอบโจทก์แล้วแถลงรับว่าศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.63 จึงให้โจทก์ส่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 2 เม.ย.เวลา 10.00 น.

อนุญาตให้คู่ความคัดถ่ายรายงานกระบวนพิจารณาโดยพิมพ์จากคอมพิวเตอร์และไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนเอกสารที่ยื่นต่อศาลในวันนี้อนุญาตให้คัดถ่ายได้โดยเสียค่าใช้จ่ายตามระเบียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ พรรคอนาคตใหม่ ระบุพฤติการณ์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 8 ก.ค.-11 ธ.ค.62 คณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1-3 ให้เป็นประธานกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร หัวหน้าพรรคและพรรค อนค.โจทก์ที่ 1-2 ว่ากระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองหรือไม่ โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ให้พรรคอนค.โจทก์ที่ 2 กู้ยืมเงินจำนวน 191,200,000 บาท

โดยประธานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จำเลยที่ 1-3 ทราบระเบียบแล้วแต่ไม่ได้กระทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน กลับร่วมกันทำรายงานการไต่สวนพร้อมทั้งสรุปสำนวนการสืบสวนและไต่สวนเสนอจำเลยที่ 4 เพื่อพิจารณาทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับโจทก์ทั้งสอง จึงถือได้ว่ายังไม่มีการไต่สวนตามกฎหมายและเป็นการละเว้นการกระทำอันมิชอบ

ขณะที่เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือสั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวแก่โจทก์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 4 ส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 5-7 ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย อันเป็นการเร่งรัดคดีกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองต่อไป

ส่วนจำเลยที่ 5-7 ก็มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลที่มีเขตอำนาจดำเนินการต่อไปและส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 8-14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ กกต.พิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน โดยหากจำเลยที่ 5-7 เห็นว่าสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนยังไม่ถูกต้องก็มีอำนาจส่งเรื่องกลับไปให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1-3 ดำเนินการ

ส่วนคณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ก็ทราบอยู่แล้วว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกันลงมติให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองตามสำนวนการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค อนค.โจทก์ที่สอง มติของจำนวนที่ 8-14 จึงเป็นผลมาจากการร่วมกันกระทำโดยจงใจละเมิดต่อกฎหมาย

และเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองที่ถูกริดรอนสิทธิที่จะรับทราบข้อกล่าวหา, ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา, เสนอพยานหลักฐาน หรือต่อสู้คดีตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน