เริ่ม! ช่อ ประเดิมอภิปรายนอกสภา แฉ สมรู้ร่วมคิดคดีอาชญากรรมการเงินใหญ่ที่สุดในโลก

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์อนาคตใหม่ ฝั่งธนฯ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายนอกสภาว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายเชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งมีเรื่องผิดปกติ บกพร่อง ทุจริตคอร์รัปชั่นมากมายเต็มไปหมด

แต่วันนี้ตนจะเปิดเผยเรื่องที่หลายคนอาจจะเคยผ่านตามาบ้าง แต่ไม่รู้มาก่อนว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ปกปิด สมรู้ร่วมคิดในคดีอาชญากรรมการเงินใหญ่ที่สุดในโลก คือคดี 1 MDB (กองทุนพัฒนามาเลเซีย)

1.ปกปิดข้อเท็จจริงในคดีอาชญากรรมการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากการรับรู้ของเพื่อนบ้านชาวมาเลเซีย และจากการรับรู้ของประชาชนคนไทย จากการรับรู้ของประชาคมโลก
2.บิดผันกระบวนการยุติธรรม นำคนบริสุทธิ์เข้าคุกและปล่อยให้เครือข่ายอาชญากรข้ามชาติลอยนวล
3. ให้ที่พักพิงหลบซ่อนตัวแก้ผู้ที่มีหมายจับในต่างประเทศ
4.บ่อนทำลายความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรของประเทศไทย

ทั้งหมดนี้นำมาสู่คำถามที่ว่าหรือนี้จะเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ เอาจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศของไทยไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว หรือจะเป็นการกระทำที่น่าละอาย ไม่ใช่เฉพาะในฐานะนายกฯ แต่ในฐานะคนไทยที่ชอบบอกว่าตัวเองรักชาติ แต่กลับมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางไม่ชอบ

1MDB เป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของมาเลเซีย เกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 2552 โดย นายนาจิบ ราซัก อดีตนายกฯมาเลเซีย ก่อตั้ง 6 ปี ขาดทุน ไป 370,000 ล้านบาท ทำให้มีการตรวจสอบเริ่มต้น ภายในมาเลเซีย นำไปสู่การค้นพบว่าเงิน 140,000 ล้านบาทถูกสูบออกไปจากกองทุนเข้ากระเป๋าของผู้มีอิทธิพลเพียงแค่ไม่กี่คน

ตัวเลข 140,000 ล้านบาทนี้มาจากรายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ตอนแรกประเมินว่าเงินที่ถูกสูบออกไปจากกองทุน 3.5 พันล้านดอลลาร์ การสอบสวนพบเครือข่ายฟอกเงินกว้างขวางยิ่งขึ้น จึงปรับแก้เป็น 4.5 พันล้านดอลลาร์ ที่ถูกปล้นไปจากพี่น้องชาวมาเลเซีย

ตัวเลขที่น่าสนใจอีกตัวเลขคือ 2 หมื่นล้านบาท เป็นเงินที่ถูกโอน เข้าบัญชีของ Malaysian official 1 หรือ เจ้าหน้าที่รัฐมาเลเซียหมายเลข 1 ซึ่งถูกรายงานเป็นข่าวไปทั่วโลกว่าคือ นายนาจิบ ราซัก ซึ่งมีหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่าคือเงินที่ถูกปล้นไปจากวันเอ็มดีบี

การยักยอกถูกนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อเครื่องบินส่วนตัว ซื้อเปียโนแก้วให้กับ มิแรนด้า เคอร์ ซื้อเรือยอชต์มูลค่าเกือบ 8 พันล้านบาท เงินเหล่านี้ถูกฟอก ถูกไซฟ่อนออกไปจากกองทุน เข้าสู่กระเป๋าของผู้มีอิทธิพลล้วนเป็นผู้ใกล้ชิด และพัวพันกับนายนาจิบ

การยักยอกเงินจาก 1MDB เกี่ยวพันถึงหลายประเทศทั่วโลก ปัจจุบันมีอย่างน้อย 10 ประเทศเดินหน้าสอบสวนเรื่องนี้ ตั้งแต่ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ลักเซมเบิร์ก ซีเชลล์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งพักเงิน สหรัฐ อังกฤษ สวิส สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมาเลเซีย บุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีหลายคนถูกออกหมายแดงโดยตำรวจสากล ประเทศที่จริงจังที่สุดในการสอบสวนคือสหรัฐ

สหรัฐสอบสวนอย่างน้อย 10 คดี อันเนื่องมาจากเงินจำนวนมากถูกนำมาฟอกในสหรัฐ
การทุจริตยักยอกที่เกิดขึ้นนี้ รวมถึงความพยายามในการปกปิด ข้อเท็จจริงทำให้รัฐบาลนาจิบ พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ถูกดำเนินคดีเฉพาะในมาเลเซียอย่างน้อย 42 คดี

ประเทศไทยเกี่ยวข้องอะไรกับคดีอื้อฉาว อาชญากรรมฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้

ย้อนกลับไปในปี 2557 มีการรัฐประหาร 22 พ.ค. โดยพล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ โหยหาความชอบธรรม การยอมรับจากในและต่างประเทศ

ในประเทศยังมีทั้งมาตรา 44 การปรับทัศนคติในค่ายทหาร การคุมสื่ออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ในต่างประเทศทำแบบนั้นไม่ได้ จึงเห็นนโยบายต่างประเทศ ที่หงอ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากผู้นำโลก ขณะที่ปี 2557 นาจิบกำลังร้อนที่นั่ง เก้าอี้กำลังสั่นคลอน เพราะขาดทุน ก่อหนี้มหาศาลของ 1MDB มีการระแคะระคาย มีความพยายามขุดคุ้ยโดยสื่อ

4 มิ.ย. 2557 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย เดินทางมาแสดงความยินดีกับพล.อ.ประยุทธ์ 2 สัปดาห์หลังรัฐประหาร และมาเลเซียเป็นประเทศแรกในโลกที่ยอมรับรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ นี่ก็คือการก่อของพันธมิตรมืด

ผ่านไปไม่กี่เดือนพันธมิตรมืดก็ได้ใช้ประโยชน์ ชาเบียร์ ฆุสโต อดีตผู้บริหารบริษัทปิโตร ซาอุดีอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หุ้นส่วนทางธุรกิจของ 1MDB นำเงินจาก 1MDB มาลงทุน และเป็นการลงทุนที่สุดท้ายแล้ว กระทรวงยุติรรมของสหรัฐพบว่าเป็นการฟอกเงิน

ชาเบียร์ลาออกจากปิโตรฯ หอบเอาข้อมูลอีเมล์ 2.3 แสนฉบับ ความใหญ่ 90 กิกะไบต์ มาเปิดเผยกับนักข่าวที่ชื่อ แคลร์ บราวน์ แห่ง ซาราวัก รีพอร์ต พวกเขาคือผู้ที่นำความจริงเรื่องทุจริต 1MDB วันมาเปิดเผยต่อสาธารณชน เป็นครั้งแรก ก่อนมีการตีแผ่ทั่วโลก

เวลานั้นสิ่งที่นาจิบต้องการมากที่สุด 1.ปิดปากซาเวียร์และ แคลร์ บราวน์ 2.นำข้อมูล 90 กิกกะไบต์ ที่เป็นข้อมูลการเงินที่ผิดปกติของ 1MDB ที่รั่วจากปิโตรฯ คืนมา ควบคุมไม่ให้ข่าวอื้อฉาวรั่วไหลไปมากกว่านี้ และ 3.ต้องการให้แคลร์ บราวน์ กับชาเบียร์ รับสารภาพว่าเป็นการใส่ร้าย

ปัญหาคือแคลร์ บราวน์ ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นน้องสะใภ้ของ กอร์ดอน บราวน์ อดีตนายกฯอังกฤษ เมื่อเปิดเผยเรื่องนี้ เธอก็ไปอังกฤษ ส่วนชาเบียร์ เลือกจะอยู่ในไทย ประเทศที่พบรักกับภรรยาและมีลูกคนแรก เขาตั้งใจจะลงหลักปักฐานที่เกาะสมุย

ตำรวจ 10 กว่าคนบุกไปจับเขาที่บ้านและพูดภาษาไทย ทุกคน ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น 23 มิ.ย. 2558 ถูกนำตัวมาแถลงข่าว เป็นการเอาเอกสารที่อยู่ในบ้านพักของเขามาวางประกอบ โดยชาเบียร์ถูกจับข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์

ตำรวจไทยบอกว่าปิโตรฯ ประสานกับตำรวจขอให้จับกุมชาเบียร์อดีตลูกจ้าง ซึ่งขู่ผู้จัดการบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลการค้า หากไม่ได้ เงิน 83 ล้านบาท เมื่อปี 2556 แต่การจับกลุ่มเกิดขึ้นในปี 2558 และบังเอิญการจับกุมเกิดขึ้นหลัง 4 เดือนที่ซาเวียร์เปิดโปงเรื่องอื้อฉาว ครั้งใหญ่

มีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นมากมายตามมาหลังจากนั้น ตำรวจรับแจ้งว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข่าวเกี่ยวกับการจับกุมชาเบียร์นอกจากระดับผู้บังคับบัญชา ผิดปกติไปจากนั้นคือวันที่ 30 มิ.ย. หนึ่งสัปดาห์หลังแถลงข่าวจับกุม ตำรวจกองปราบฯแถลงว่าทางการอังกฤษส่งตำรวจมาร่วมสอบสวนชาเบียร์ด้วย

หลังจากนั้นเดือน ก.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันกับสื่อมวลชนและปรากฏเป็นข่าวไปทั่วว่า ชาเบียร์เป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ มีความพยายามจะไม่ให้ ชาเบียร์ให้ความร่วมมือกับตำรวจ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมโดยไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปาหี่และเป็นกระบวนการต้มตุ๋นระดับชาติที่บีบให้คนบริสุทธิ์เข้าคุก และรับสารภาพข้อความอันเป็นเท็จ โดยตำรวจจากอังกฤษเป็นตำรวจปลอม ชื่อว่า พอล ฟินนีแกน เขาคือคนที่ตำรวจไทยบอกว่าเป็นตำรวจอังกฤษที่มาสอบสวน

และ พอลเป็นคนที่เข้าไปหาชาเบียร์ในเรือนจำคลองเปรม หลายครั้งตลอด 1 เดือนที่ถูกกล่อมให้สารภาพ และที่น่าแปลกใจมีตำรวจคนหนึ่ง ถูกวงเล็บว่าเป็นเพื่อนชาเบียร์ เข้าเยี่ยม โดยไม่ระบุยศเป็นตำรวจ แต่ไม่มีการบันทึกชื่อพอล เป็นผู้เข้าเยี่ยม ทั้งที่ชาเบียร์ ยืนยันว่าไปเยี่ยมเป็นประจำ

ทั้งหมดปิโตรฯ เข้าไปควบคุมพยานปากเอกถึงเรือนจำประเทศไทย เป็นกระบวนการต้มตุ๋นในเรือนจำประเทศไทยภายใต้ตัวละครตำรวจและเจ้าหน้าที่เรือนจำ นอกจากนั้นยังมีคลิปเสียงระหว่างภรรยาของชาเบียร์ กับเจ้าของคดีชาเบียร์

ข้อสังเกตคือตำรวจขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นกับนายกฯ เรือนจำขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม รมว.ยุติธรรม ทั้ง 2 องคาพยพดำเนินการได้ต้องมีคนสั่งมากว่า 2 คนนี้

นอกจากนั้นมีการลักลอบนำข้อมูล 1MDB จากชาเบียร์ออกจากเรือนจำ 6 เดือน เพื่อให้เอฟบีไอสอบสวนเครือข่ายฟอกเงิน แล้วทำไมต้องปกปิดการเข้าถึงผู้ต้องหารายนี้ และการปล่อยตัวชาเบียร์เพราะเรื่องมันใหญ่เกินตัวชาเบียร์ไปแล้ว

ปล่อยให้อาชญากรข้ามชาติใช้ไทยเป็นที่กบดาน

แต่ไปจับตามองอีกคนคือ โจโล ที่รัฐบาลไทยมีส่วนพัวพันทำให้เชื่อได้ว่ามีการปล่อยให้อาชญากรข้ามชาติใช้ไทยเป็นที่กบดาน โจโล หรือ โล เตี้ยกโจ คือคนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการในคดี 1MDB และถูกออกหมายแดงจากตำรวจสากล หมายแดงออก 7 ต.ค. 2016 (พ.ศ. 2559)

นับตั้งแต่ 7 ต.ค. 2559 ถึง 13 พ.ค. 2561 ข้อมูลการเดินทางเข้าออกไทยของโจโลมีชัดเจนในระบบตรวจคนเข้าเมือง 5 ครั้ง เป็นการเดินทางเข้าออกไทยอย่างสบายใจโดยเครื่องบินส่วนตัว เกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรมของไทย อาจบอกว่ารัฐบาลก็ลำบากใจถ้าจะส่งตัวโจโลซึ่งเป็นคนสนิทของนาจิบ ให้ นายลี เซียนลุง นายกฯสิงคโปร์ ก็จะผิดใจกับนาจิบ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนายกฯ แต่ถ้าไม่ส่งตัวให้ก็จะผิดใจกับ ลี เซียนลุง

เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกไปแขวนคอทำไม รัฐบาลไทยสามารถปฏิเสธการเข้าเมืองของโจโลได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งให้ใคร จะได้ไม่ผิดใจกับทั้ง 2 ประเทศ แต่กลับไม่มีหลักฐานใดๆ เลยที่บ่งบอกว่าเราขัดขวางการเข้าเมืองของโจโล และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่รัฐบาลไทยแจ้งให้สิงคโปร์ทรา

นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานอีกอันที่ทำให้โจโลมั่นใจว่า “พันธมิตรมืด” คุ้มครองเขาได้ คือ วันสุดท้ายที่เขาเลือกเดินทางออกจากไทย 13 พ.ค.2561 โดยวันที่ 10 พ.ค. 2561 เป็นวันที่แนวร่วมฝ่ายค้านพลิกเอาชนะรัฐบาลของนาจิบ โจโลรู้แล้วว่านาจิบตกจากอำนาจ จึงเดินทางออกจากไทย และไม่กลับมาอีกเลยอย่างเป็นทางการในชื่อของโจโล แต่ถ้าเป็นชื่ออื่นก็ไม่ทราบ

ให้ที่พักพิงหลบซ่อนตัวแก้ผู้ที่มีหมายจับในต่างประเทศ

โจโลไปแล้วแต่เครือข่ายของเขายังใช้ไทยเป็นแหล่งกบดาน เช่น ตัน เค็ง ฉี เป็นคนถือเงินของโจโล ถูกสอบสวน และออกหมายแดงจากกรณี 1MDB ด้วย หมายแดงออก 7 ต.ค. 2561 ที่น่าสนใจคือ เขาอยู่ประเทศไทยจนวีซ่าขาด ไปขอต่อวีซ่า ตม.พบว่าวีซ่าขาดและมีหมายแดง แต่ยังต่อวีซ่าให้ และต่อมา ตัน เค็ง ฉี ก็มลายหายไป ไม่มีหลักฐานปรากฏอย่างเป็นทางการว่าออกจากไทย แต่มีรายงานว่ากบดานอยู่ในบ้านของคนมีเครื่องแบบที่เขาใหญ่ มีบุคคลในเครื่องแบบเป็นการ์ด และเพิ่งออกจากไทยไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมี จัสมิน ลู ทนายความของโจโลที่เดินทางและกบดานในไทย มีบันทึกการเดินทางออกจากไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ลงวันที่ 7 ก.ย. 2561 ซึ่งหมายแดงของจัสมินออกหลัง จากนั้น แต่ที่ผิดปกติคือวันออกเดินทางจัสมินถูกขึ้นบัญชีเฝ้าระวัง จากคนระดับรองผบ.ตร. แต่วันที่จัสมินเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในช่องทางปกติ รอง ผบ.ตร.กลับไม่ได้รับแจ้ง

ใครกันที่สามารถละเมิดบัญชีเฝ้าระวังของคนระดับรอง ผบ.ตร. ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลการเดินทางเข้าออกไทยของจัสมิน มีถึง 36 รายการ แต่เมื่อเช็คฐานข้อมูลอีกครั้งเมื่อเดือน ม.ค. 2563 ฐานข้อมูลกลับพบว่าเหลือเพียง 14 รายการ หายไป 22 รายการ วันที่เดินทางออกจากไทยครั้งสุดท้ายคือ 29 ธ.ค. 2559 จากธ.ค. 2559 ถึง ก.ย. 2561 หายไปไหน ใครกันที่สามารถลบฐานข้อมูลของ ตม.ได้ พันธมิตรมืดยังคงคุ้มครองพวกเขาอยู่หรือไม่

ตัน เค็ง ฉี และ จัสมิน ลู ยังได้รับการคุ้มครองจากบุคคลอีก บุคคลหนึ่ง ซึ่งเราขอเรียกว่า นาย พ. ซึ่งเป็นนักธุรกิจไทย ที่กำลังถูกสหรัฐสอบสวนเรื่องความเกี่ยวพันกับการฟอกเงินของโจโล ในระดับที่เป็น กระเป๋าเงินให้โจโล ตำรวจไทยมีข้อมูลทั้งหมดนี้ว่า นาย พ. ใช้บัตรเครดิตของตัวเองจองที่พักให้โจโลในไทย คนขับรถ และพนักงานในบริษัทของนาย พ. คนนี้ อำนวยความสะดวกให้ ตัน เค็ง ฉี และจัสมิน ระหว่างที่อยู่ไทย

ตำรวจไทยมีข้อมูลทั้งหมด แต่กลับไม่มีการสอบสวน ไทยไม่ได้เป็น 1 ใน 10 ประเทศที่เปิดการสอบสวนคดีนี้ เกิดอะไรขึ้น นาย พ. คนนี้ บริษัทของเขาเป็นคู่สัญญาเกี่ยวกับระบบสารสนเทศกับ สตง. ตำรวจรู้จักเขาแน่นอน เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าเครือข่าย 1MDB ใช้ไทยอย่างสนุกสนาน มีการช่วยเหลือกันอย่างเป็นระบบ

ตั้งแต่วันเปิดโปงกระบวนการนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกตินี้คือ ตำรวจ โดยสตง. ที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกฯ กระทรวงยุติธรรมที่ดูแลเรือนจำ การโอนตัวนักโทษ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย ที่เกี่ยวข้องกับการเนรเทศ ตม. ฯลฯ

เปลี่ยนผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับการ รัฐมนตรีไปแล้วกี่คน คนที่ ไม่เปลี่ยนและยังอยู่เสมอ ทั้งยังมีอำนาจสั่งการรัฐมนตรีหลายกระทรวงจะเป็นใคร

บ่อนทำลายความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร

ทั้งหมดนี้เป็นกังวลเหลือเกินว่าไทยอันเป็นที่รักของเรากำลังถูกย่ำยีศักดิ์ศรี ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อได้ว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กำลังปกปิดข้อเท็จจริงของคดีอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก คดีที่อีก 10 ประเทศ กำลังติดตามนำตัวคนผิดมาลงโทษ

แต่กลับปล่อยให้คนที่มีหมายแดงลอยนวล ใช้ไทยเป็นแหล่งกบดาน ดูเหมือนว่ากำลังบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา โดยการขัดขวางการสอบสวนของเอฟบีไอ บ่อนทำลายความสัมพันธ์ไทย-สวิส โดยไม่ทำตามสัญญาโอนตัวนักโทษข้ามแดน บ่อนทำลายความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ โดยการเพิกเฉยต่อหมายแดงของสิงคโปร์ บ่อนทำลายความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย โดยการปกปิดความจริง ให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่รัฐบาลมาเลเซียต้องการตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อนำเงินของพี่น้องประชาชนชาวมาเลเซียคืนสู่เจ้าของ

ทั้งหมดเป็นไปเพื่ออะไร เพื่อรักษาสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับนาย นาจิบหรือ ส่วนตัวขอตั้งตำถามเอาไว้ มีการรับเงินรับทองกันหรือไม่ ของแบบนี้มักไม่มีใบเสร็จ แต่ทางสหรัฐกำลังเดินหน้าสอบสวนความเกี่ยวโยงของประเทศต่างๆในคดีนี้อยู่รวมถึงไทย ศาลสวิสกำลังไต่สวนเรื่องนี้อยู่เช่นกัน

กระบวนการยุติธรรมในหลายประเทศกำลังทำงานเพื่อนำความจริงให้ปรากฎสู่ประชาคมโลก ชาวไทยก็คงได้ทราบว่าเงินกว่า 1.4 แสนล้านบาท มีเท่าไรที่เข้ากระเป๋าใครในไทย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน