เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่าวภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี นายเอ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี พร้อมด้วยนางบี (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สองสามี-ภรรยาชาวเวียดนาม เดินทางเข้าพบพ.อ.ภวนวีย์ อำมาตย์นิรัน รอง ผอ.กนผ.สผอ.สส.ทหาร บก.ทท. และนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ภายหลังจากถูกทนายความและกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่จ.ฉะเชิงเทรา ข่มขู่คุกคาม

s__72564743

นางบี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนประกอบอาชีพขายเกาลัดภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่จ.ฉะเชิงเทรา จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ชายแสดงตัวว่าเป็นทนายความมาซื้อเกาลัดไป 3 กล่อง พร้อมทั้งออกอุบายขอเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวไป โดยอ้างว่าเอาไว้ติดต่อขอซื้อเกาลัด เพื่อความสะดวกก่อนนำไปฝากญาติและเพื่อนสนิท หลังจากนั้นทนายความรายดังกล่าวเดินทางเข้ามารับประทานอาหารอยู่บ่อยครั้ง พร้อมทั้งเหมาเกาลัดจนหมด และชอบขอร้องให้ตนช่วยแกะเปลือกและเสิร์ฟเครื่องดื่มเป็นประจำ ทั้งนี้ ขณะนั่งพูดคุยกันยังสอบถามว่าตนมีแฟนหรือไม่ จึงเลี่ยงตอบไปว่ายังไม่มี เนื่องจากเกรงว่าจะขาดรายได้ นอกจากนี้ ทุกครั้งที่คุยกัน เจ้าตัวมักจะแสดงตนว่าเป็นผู้มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือหรือจับกุมชาวเวียดนามได้ทุกราย

นางบี กล่าวต่อว่า เมื่อผ่านมาได้ซักระยะหลังทนายความพยายามติดต่ออยู่บ่อยครั้ง จนรู้สึกว่าแอบชอบตน จึงตัดสินใจบอกไปว่ามีสามีแล้ว แต่อยู่ที่ประเทศเวียดนาม แต่ทนายความไปสืบจนรู้ว่าสามีตนทำงานอยู่ที่ประเทศไทย จึงข่มขู่จะจับพร้อมด้วยญาติ หากไม่ยอมทำตามใจ โดยการชวนไปเที่ยวและซื้อของให้ ซึ่งตนต้องทำด้วยความจำยอมซักระยะ เนื่องจากเกรงว่าสามีและญาติจะเดือดร้อน หลังจากนั้นตนพยายามบ่ายเบี่ยงตีตัวออกห่าง แต่ญาติพี่น้องก็ถูกจับกุมเรื่อยมา จนกระทั่งสามีตนก็มาถูกจับเช่นกันเมื่อ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยทนายรายดังกล่าวยื่นเรื่องทำหนังสือถึงกรมแรงงานจังหวัด ซึ่งตนต้องไปขอยืมเงินสด จำนวน 5,000 บาท จากคนประเทศเดียวกันเพื่อนำมาประกันตัว

นางบี กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นตนได้เจอกับทนายความอีกครั้ง พร้อมพูดในทำนองที่ว่าหากไม่ยอมทำตามใจจะแจ้งจับสามีอีกรอบ ซึ่งในครั้งที่ 2 จะไม่สามารถประกันตัวได้ และต้องติดคุกจนถึงขั้นถูกทำร้ายร่างกายในคุก เมื่อตนไม่ยอมทำตามหลังจากนั้นเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา คู่กรณีจึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังผอ.กอ.รมน.ฝ่ายทหาร โดยกล่าวหาว่า สามีตนและนายน้อยเพื่อนร่วมชาติ เป็นผู้มีอิทธิพลค้ามนุษย์ และเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งที่จริงทั้งคู่เป็นเพียงแค่เด็กรับรถในร้านอาหารเท่านั้น จนกระทั่งสามีตนถูกชุดปฏิบัติการพิเศษของจังหวัดฉะเชิงเทราเข้าจับกุมเป็นครั้งที่ 2 จึงส่งผลให้ไม่สามารถประกันตัวออกมาได้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้ามาร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว

พ.อ.ภวนวีย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนได้รับการประสานจากน้องที่รู้จักกันให้ช่วยเหลือนายเอ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำหนังสือร้องเรียนของทนายความรายหนึ่งในจ.ฉะเชิงเทรา เมื่อตนทราบเรื่องวันต่อมาจึงเดินทางไปประกันตัวนายเอ โดยร้องขอต่อศาลให้อนุญาตประกันตัว เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการถูกกลั่นแกล้งก่อนนำตัวชาวเวียดนามทั้งสองคนมาพักอาศัยอยู่ด้วยที่กทม. เนื่องจากเกรงว่าจะถูกข่มขู่เพิ่มด้วย

ทั้งนี้ ผู้เสียหายฝ่ายหญิงได้อัดคลิปเสียงที่มีการสนทนากับทนายความคู่กรณีไว้จำนวน 2 คลิป และตนเผยแพร่ลงยูทูป จนกระทั่งมีนายทหารยศใหญ่ โทรมาขอให้ตนลบคลิปดังกล่าวออก แต่ตนไม่ยินยอม เพราะหากพิจารณาถึงความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าชาวเวียดนามที่มาอาศัยทำงานอย่างสุจริตในประเทศไทย แต่กลับต้องมาถูกผู้มีความรู้ มีอำนาจ ใช้ในทางที่ผิด ทั้งที่มันเป็นเรื่องผิดศีลธรรมเอารัดเอาเปรียบ และคุกคามสิทธิเสรีภาพความเป็นมนุษย์

ด้านนายไพโรจน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหลังจากนี้จะทำหนังสือมอบเรื่องให้กับทนายความประจำสมาคม ดำเนินการยื่นเรื่องให้กับสภาทนายความแห่งประเทศไทย เพื่อให้ช่วยเข้าตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงาน รวมไปถึงจรรยาบรรณในการทำงานของทนายรายดังกล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน