เลขา สมช. ระบุว่า มีแนวโน้ม ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน หลังครบกำหนด วันที่ 31 พ.ค. นี้ แต่ต้องพิจารณารอบด้าน เผย ผลโพลล์สำรวจ ยังไม่ใช่ตัวชี้วัด

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยถึงกรณีสำนักข่าวกรองแห่งชาติ รวมถึงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่องผลกระทบเกิดจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใน 2 ห้วง คือ ระยะที่ 1 เพื่อดูมาตราการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ระยะที่ 2 คือปลายเดือน พ.ค. สอบถามเรื่องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือยังคงไว้ว่า

ไม่ใช่เฉพาะสองหน่วยงานดังกล่าว แต่ยังมีหน่วยงานอื่นๆ ทั้งของรัฐและเอกชนจัดทำโพลสำรวจความเห็นประชาชน ทั้งนี้ ยืนยันว่าความคิดเห็นที่ได้จากการสำราจ ความต้องการของประชาชนเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาในที่ประชุม ศูนย์บริหารจัดการหลักการการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด- 19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.ศบค. แต่ยังไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือยกเลิกเคอฟิวส์ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นที่ตั้ง

พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินจำเป็นต้องพิจารณาหลายๆด้าน ทั้ง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัยของประชาชน เช่นเดียวกับเคอฟิวส์ แม้ว่าบางกิจกรรม เช่น สถานบริการกลางคืนอย่างผับบาร์ ยังไม่อนุญาตให้เปิด

แต่ยังพบประชาชนออกมามั่วสุมในยามวิกาล เช่น ตั้งวงสังสรรค์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เล่นการพนัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ อาจจะพิจารณาขยายเวลาออกไปจากเดิม

ซึ่งต้องดูกิจกรรมที่จะผ่อนปรนในระยะที่สอง ว่ามีอะไรบ้าง หากยังมีเคอฟิวส์จะส่งผลกระทบยังไง หรือ ยกเลิกเคอฟิวส์ จะมีผลอะไรตามมา ส่วนหากจะขยายเวลาเคอฟิวส์ เป็นช่วงเวลาไหนนั้น ยังตอบไม่ได้ ต้องหารือในภาพรวมที่ประชุม ศบค.อีกครั้ง

“สักวันก็ต้องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่แล้ว ไม่สามารถใช้ไปตลอดได้ เพียงแต่ต้องคำนึงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เป็นหลัก ในขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และประชาชนก็เป็นสิ่งมองข้ามไม่ได้” เลขา สมช. ระบุ

เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินสิ้นเดือน พ.ค.นี้หรือไม่ หลังครบกำหนดวันที่ 31 พ.ค. เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ใช่ แต่ต้องพิจารณาปัจจัยหลายๆด้านมาประกอบกัน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องมานั่งประเมินกัน และที่สำคัญต้องดูความร่วมมือของประชาชนและสถานประกอบการ รวมถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสามารถควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่รองรับได้หรือไม่

ส่วนกรณีฝ่ายการเมืองโจมตีรัฐบาลที่ยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งๆ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงแล้ว เพราะไม่อยากให้มีการชุมนุมนั้น คงไม่เกี่ยว อย่านำมาโยงกัน การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชนล้วนๆ


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน