เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (กก.1 บก.ทท.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สปพ. ทท. ร่วมกันแถลงข่าว ยุทธการ ปราบปราบปั๊มป้ายปลอม ครั้งที่ 2

โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 12 ราย ในข้อหา “อั้งยี่และร่วมกันปลอมเอกสารราชการ มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง รถยนต์ จำนวน 39 คัน จักรยานยนต์จำนวน 56 คัน อาวุธปืน จำนวน 12 กระบอก เครื่องกระสุนจำนวน 120 นัด คอมพิวเตอร์จำนวน 5 เครื่อง ป้ายทะเบียนรถจำนวน 13 แผ่น สมุดบัญชีจำนวน 34 เล่ม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปูพรมกวาดล้างแก๊งปลอมป้ายรถยนต์ปลอมในชื่อ “ปราบปรามปั๊มป้ายปลอม” ครั้งแรก ได้ผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานถึงเครือข่าย ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนสามารถขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 7 ราย ออกหมายตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอีก 19 จุดทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อยุทธการ “ปราบปรามปั๊มป้ายปลอม” ครั้งที่ 2 หลังจากสืบทราบว่าจุดทั้งหมดเป็นจุดที่มีการทำผิดกฎหมาย ทั้งลักรถยนต์และจักรยานยนต์ส่งขายออกนอกประเทศ, สวมป้ายทะเบียนรถปลอม, ค้าอาวุธปืนและปล่อยเงินกู้นอกระบบ

โดยมีวิธีการประกาศทางเฟซบุ๊กรับจำนำรถยนต์และจักรยานยนต์รวมทั้งปืน เมื่อผู้เสียหายนำรถและปืนไปจำนำ เมื่อจะไปไถ่คืน กลับพบว่ารถถูกนำไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว บางคันถูกนำไปใช้ก่อคดีอาชญากรรม ทำให้ผู้เสียหายยังต้องผ่อนรถกับไฟแนนซ์ทั้งที่ไม่มีรถอยู่กับตัว ขณะที่บางรายต้องติดเครดิตบูโร

ทั้งนี้ จากการติดตามจับกุมในยุทธการ “ปราบปรามปั๊มป้ายปลอม” ครั้งที่ 2 นี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 7 คน ดำเนินคดีในข้อหา อั้งยี่และร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และยังจับกุมผู้ต้องหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 5 คน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขอหมายจับ และติดตามจับกุมขบวนการเพิ่มเติ่ม ซึ่งบุคคลใดที่ทำผิดอยู่ ขอให้หยุดการกระทำ เพราะตำรวจมีข้อมูลหมดแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน