รองโฆษก ตร. เผยสั่งต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบ ส.ต.ท. เจตนาทำ ‘เตี้ย มช.’ ตายหรือไม่ ให้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนดำเนินการต่อไป

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีพบศพสุนัขเสียชีวิต (พี่เตี้ย ม.ช.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ โดยมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ และประชาชนที่ให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวมีข้อสงสัยในประเด็นการเสียชีวิติ ซึ่งเกรงว่าจะตายเพราะถูกคนกระทำนั้น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ได้รับรายงานจาก สภ.ช้างเผือก ว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.63 เวลาประมาณ 19.21 น. พนักงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่รายหนึ่งได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน โดยได้แจ้งว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เลี้ยงสุนัข พันธ์ทางเพศผู้ สีน้ำตาลขาว อายุ 8 ปี ลักษณะเตี้ยได้หายไปจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 พ.ค.63 แล้วได้ติดตามหามาโดยตลอด

จนกระทั่งในวันที่ 7 พ.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. พบซากสุนัขดังกล่าว อยู่ในป่าข้างทาง ถนนด้านข้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลโยราชมงคล ในสภาพเน่าอืด ส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งเกรงว่าจะตายเพราะถูกคนกระทำ จึงนำส่งผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายที่คณะสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยจากผลการชันสูตรจากคณะสัตว์แพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าตัวสุนัขมีร่องรอยการถูกกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณขาหลังและช่วงล่างของลำตัว ร่วมกับการฉีกขาดของกระเพาะปัสสาวะ ในส่วนรอยแตกของกะโหลกที่พบอาจเป็นหลังจากเสียชีวิต เนื่องจากไม่พบการอักเสบของเนื้อเยื่อและเลือดออกบริเวณดังกล่าว

จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุมีชายรายหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์เรียกเตี้ยขึ้นรถ บริเวณลานจอดรถภายในมหาวิทยาลัย เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 3 พ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าว ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจยศ ส.ต.ท. สังกัด ตชด.33 อ้างว่าตนคิดจะพาเตี้ยไปเที่ยว แต่เตี้ยกระโดดลงจากรถขณะขับขี่ทำให้ล้อหลังทับตายทันที

ต่อมาในวันที่ 17 พ.ค. ผู้ต้องสงสัยเดินทางเข้ามาชี้แจงในเรื่องดังกล่าวที่สถานีตำรวจ โดยได้มีเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์และจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (แอดมินเพจ เตี้ย ม.ช.) เดินทางมาด้วย ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยให้คำสารภาพว่า เป็นผู้พาเตี้ยออกไปจริงและได้เกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง

อีกทั้ง ในวันที่ 18 พ.ค. เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์และคณะ พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก และผู้บังคับบัญชาจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 (ตชด.33) ต้นสังกัดของผู้ต้องสงสัย ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยได้เรียกตัว ส.ต.ท. รายดังกล่าว มาพูดคุยเพิ่มเติมก่อนนำตัวแยกเข้าห้องสอบสวน และทางมูลนิธิฯ ขอแจ้งความในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ซึ่งได้รับเป็นคดีไว้แล้ว

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวมรวมพยานหลักฐาน ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลตามร่างกายของเตี้ย หากรวบรวมพยานหลักฐานแล้วจะแจ้งต้นสังกัดทราบเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่มีการระบุว่ามีผู้ได้ยินเสียงปืน 4 นัดในคืนที่เกิดเหตุ น่าเชื่อว่าเกิดการทารุณกรรมสัตว์ขึ้น และคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คน นั้น ขอเรียนว่า ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลเทียบเคียงสาเหตุการเสียชีวิตจากผลการชันสูตร โดยหากมีหลักฐานเพิ่มเติม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมที่จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บังคับบัญชา ต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กำกับการ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ว่ามีเจตนาทำให้สุนัขตัวดังกล่าวเสียชีวิตหรือไม่ โดยต้องให้เวลาต้นสังกัดและเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน