นายกฯ แจงสภา ลั่น หากไม่มีโควิด – 19 คงไม่ต้องกู้เงิน ระบุ ไม่มีใครเก่งกว่าใครขอร่วมมือกัน ชี้เงิน 1 ล้านล้านบาท เป็นของของธนาคารแห่งประเทศไทย 9 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ เพื่อฟื้นฟู แก้ปัญหาในสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด – 19 ว่า ถ้ามองด้วยความเป็นธรรมรัฐบาลไม่ได้ทำเศรษฐกิจพังแบบที่หลายท่านอภิปราย เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับนี้มาตลอด รัฐบาลฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้ดีพอสมควร โดยพยายามทำอย่างเต็มที่

ผมย้ำหลายครั้งเรื่องหนี้สาธารณะว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการได้ทำให้เรากู้เงินได้ในวันนี้ และเป็นการกู้เงินมาเพื่อการลงทุนเพื่ออนาคต จากสถานการณ์โลกที่ผ่านมา ถ้าไม่มีโควิด – 19 เราคงไม่ต้องกู้เงิน แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และเมื่อกู้หลายคนยังพูดกลับไปกลับมาว่า กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ท่านไม่ฟังหรือไม่สนใจจะฟัง ตนบอกหลายรอบแล้วว่ากู้ 1 ล้านล้านบาท แต่เงิน 9 แสนล้านบาท เป็นของธนาคารแห่งประเทศไทย

นายก ชี้แจง ต่อสภา

นายก ชี้แจง ต่อสภา

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ามีคนเก่งช่วยกันทำงาน และตนจริงใจแก้ปัญหาทั้งนี้ยอมรับการการแก้ปัญหาปัจจุบันที่เป็นสถานการณ์พิเศษต้องใช้วิธีที่ถูกที่และถูกเวลา ตนมองว่าข้อเสนอที่ได้ ไม่ใช่เพราะใครเก่งกว่าใคร แต่อยู่ที่ความร่วมมือ ดังนั้น ขอให้ ส.ส. อย่าใช้เวทีสภาฯต่อสู้ แต่ควรช่วยเหลือทุกด้านเพื่อชี้แจงกับประชาชน เหมือนโควิดถ้าไม่ร่วมมือต่อให้ใช้กฎหมายแรงก็แก้ไม่ได้ เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน

พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงด้วยว่า ที่ระบุว่ารัฐบาลทุจริตนั้น ขอถามกลับว่าทุจริตคืออะไร ไม่ใช่แค่คำบอกเล่า คำบอกต่อหรือส่งต่อทางโซเชียลมีเดียย แต่ต้องตรวจสอบ มีกระบวนการศาลตัดสิน โดยขณะนี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบทุจริตนั้นจับตาดู

“กระบวนการยุติธรรม ใครหนี ใครถูกขัง เป็นเรื่องของบุคคล หากบอกว่ารัฐบาลทุจริต จะทุจริตได้อย่างไร ที่รู้เพราะก่อนหน้านั้นมีการทุจริตเกิดใช้ถึงรู้ใช่หรือไม่ ซึ่งการแก้ปัญหาตอนนี้ต้องแก้จากข้างล่าง ส่วนข้างคนคือการทำแผนงานที่ได้จากประชาชน ฟังความต้องการ ทั้งนี้หากมีการทุจริตต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เหมือนที่มีข่าวออกมาแล่้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ ชี้แจงด้วยว่า ส่วนที่ระบุว่ารัฐบาลกู้เงินจะทำให้เศรษฐกิจพัง และเทียบข้อมูล 10 ปี ย้อนหลัง ตนมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างกัน ที่ผ่านมารัฐบาลดูแลเศรษฐกิจทุกระดับ ที่ระบุว่ามีหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น นั้นเพราะสภาพสังคมเปลี่ยน มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยต้องการความเป็นอยู่ที่สบายขึ้นจึงต้องใช้เงินผ่อน ซึ่งรัฐบาลเข้าใจถึงสร้างมาตรการว่าด้วยการออม ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ รัฐบาลพยายามเต็มที่เพื่อแก้ปัญหา และตัวเลขมีขึ้นมีลง ไม่สูงแบบขึ้นปรี้ด ทั้งนี้ตนยืนยันว่าหากไม่มีสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลจะไม่กู้เงิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ดังนั้นอย่าอภิปรายพันกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน