‘แม่น้องบีม’ เซ็นตั้งทนายฟ้องเเพ่ง-อาญา ทนายอาสาโกง 5 ล้านแล้ว ร่ำไห้ฝากถาม ‘มาหลอกกันทำไม’ กรรมการมรรยาททนายความรับเรื่องหากสอบเเล้วผิดจริง ลบชื่อออกจากสารบบทนายความ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพหลโยธิน น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ แม่ของด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือน้องบีม เด็กหญิงพิการ ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ในพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 เป็นเหตุให้พ่อน้องบีมเสียชีวิต น.ส.พรทิพย์ บาดเจ็บสาหัส ส่วนน้องบีมต้องถูกตัดขากลายเป็นคนพิการตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ซึ่งทางบริษัทเจ้าของรถพ่วงคู่กรณีได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ 5 ล้านบาท แต่ถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่รับว่าความฉ้อโกงเงิน เดินทางเข้าพบนายถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ เเละคณะผู้บริหารสภาทนายความ เพื่อเซ็นใบแต่งตั้งทนายความและใบคำร้องลงโทษทางมรรยาททนายความ

นายถวัลย์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า ทางสภาทนายความได้ร่วมกับเนติบัณฑิตยสภาและกระทรวงยุติธรรม แต่งตั้งทนายความเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา จึงต้องเชิญผู้เสียหายมา เพื่อเซ็นใบแต่งตั้งทนายความในวันนี้ เนื่องจากตามระเบียบผู้ร้องจะต้องเป็นผู้มายื่นเอกสารเองส่วนคดีแพ่งขณะนี้สามารถดำเนินการได้ทันที และฝากถึงนายพิสิษฐ์ให้มาพบเจ้าหน้าที่หรือมาที่สภาทนายความเพื่อพูดคุยและช่วยเหลือผู้เสียหาย และฝากถึงประชาชนในการเซ็นเอกสารต่างๆ แม้จะเป็นทนายความต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจน และถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้นายถวัลย์ นายกสภาทนายความได้มอบเงินช่วยเหลือผู้เสียหาย เบื้องต้นจำนวน 5 พันบาท ด้วย และจะรวบรวมเงินช่วยเหลือต่อไป

ด้านนายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่าหลังทราบเรื่องดังกล่าวได้ส่งหนังสือถึงสภามรรยาท ทนายความ ซึ่งสภามรรยาทได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการทางวินัย ซึ่งผู้เสียหายจะต้องลงลายมือชื่อเป็นผู้ร้องและให้ข้อมูลกับสภามรรยาทด้วย และหากทางสภามรรยาท มีความเห็นว่านายพิสิษฐ์ผิดจริง ถือเป็นการทำผิดร้ายแรงกับลูกความจะถูกลงโทษลบชื่อทันทีไม่สามารถประกอบอาชีพทนายความได้ 5 ปี หากครบ 5 ปี แล้วมาขอขึ้นทะเบียนใหม่ก็ต้องผ่านการพิจารณาอีกขั้นตอนหนึ่งด้วย

“ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และที่ผ่านมาทางสภาทนายความ ก็ลงโทษทนายความหลายคนที่กระทำความผิดปีละกว่า 10 คน แต่ทนายความขณะนี้มีมากกว่า 8 หมื่นคน ย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี หากประชาชนสงสัยให้มาขอตรวจสอบประวัติที่สภาทนายความก่อน ส่วนนายพิสิษฐ์ทนายความผู้ถูกกล่าวหา ทางสภาทนายความยืนยันว่าไม่ใช่ทนายความอาสาของสภาทนายความแน่นอน” นายสรัลชากล่าว

ว่าที่พันตรี สมบัติ วงศ์กำแหง อุปนายกฝ่ายบริหาร สภาทนายความ กล่าวว่า ทนายความที่ลงพื้นที่ไปติดต่อกับประชาชน จะไม่ใช่ทนายความอาสาของสภาทนายความ ประชาชนจะต้องมาติดต่อที่สภาทนายความ หรือเนติบัณฑิตยสภาเท่านั้น และการใช้ทนายความอาสาจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

ขณะนี้ทางทนายความจัดทำร่างฟ้องคดีแพ่งเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด โดยคาดว่าจะสามารถยื่นฟ้องแพ่งนายพิสิษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาได้ในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ เรื่องค่าธรรมเนียมศาลเราก็จะดูว่าจะขอยกเว้นได้ตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ถ้าหากได้ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะไม่ต้องเสีย เเต่หากยังมีค่าธรรมเนียมศาลอยู่ทางกรมคุ้มครองสิทธิ ซึ่งสังกัดกระทรวงยุติธรรมก็จะดูเเลให้ในส่วนของคดีอาญาเราจะต้องดูหากอัยการยื่นฟ้องทางสภาทนายก็จะให้ทนายของเราเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมในการฟ้องคดี ซึ่งต่อไปหากมีประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากนายพิสิษฐ์ หรือทนายความคนอื่น สามารถร้องเรียนได้ที่สภาทนายความทันที

ด้านน.ส.พรทิพย์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังร้องทุกข์มาอย่างยาวนาน จากเดิมจะล้มเลิกแล้ว แต่วันนี้ที่สื่อมวลชนมาช่วยทำข่าวแล้วก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น และมีความหวังว่าจะได้เงินคืนว่าเพื่อมารักษาดูแลน้องบีม

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงทนายความคนดังกล่าว น.ส.พรทิพย์ กล่าวว่า ฝากถึงนายพิสิษฐ์ว่าหากพบกันก็อยากถามว่ามาหลอกกันทำไม และอยากให้นำเงินมาคืน เพราะทุกวันนี้เหนื่อยมาก ต่อสู้มานานต้องอุ้มลูกตั้งแต่ตัวเล็ก จนตอนนี้อุ้มลูกไม่ไหวแล้ว ถ้าใครเป็นแม่ก็คงเข้าใจความเป็นแม่ แต่ขณะนี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน