อัยการคดีเศรษฐกิจฯฟ้องยกครัว “สาวทอมซินแสโชกุน-ครอบครัว-คนใกล้ชิด 10 คน” ฉ้อโกงปชช. พ.ร.บ.คอมพ์ ลวงลงทุนอาหารเสริมแลกทัวร์เอเชีย ส่วนตัวซินแสเจอสูงสุด 4 ข้อหาโทษหนัก 10 ปี ขณะที่ศาลอาญา รับฟ้องรอเบิกตัวจากเรือนจำสอบคำให้การเช้าพรุ่งนี้ 7 ก.ค.

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายประยุทธ์ เพชรคุณ, นายจิโรจน์ เอี่ยมโอภาส อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 กับ นายปกรณ์ ธรรมโรจน์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด คณะทำงานคดีซินแสโชกุน ร่วมแถลงผลการสั่งคดี น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน สาวทอมอายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด กรณีที่ชักชวนให้ผู้เสียหายหลายร้อยคน เข้าเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยอ้างว่าจะมีสิทธิได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศในแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี

ร.ท.สมนึก กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้นำสำนวนคดีและเอกสารหลักฐานยื่นฟ้องบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด และน.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริษัท กับพวกรวม 10 คนต่อศาลอาญา แล้วพร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้ง 10 คน เนื่องจากคดีมีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และเป็นภัยแก่ระบบเศรษฐกิจและสังคมแล้วเกรงว่าหากศาลให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาจำเลยอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานโจทก์ได้

ขณะเดียวกันอัยการยังได้ระบุในคำฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในสถานหนักด้วย รวมทั้งขอให้ศาลสั่งผู้ต้องหาทั้ง 10 คนร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินให้กับผู้เสียหายรวม 871 คน พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นในผู้เสียหายแต่ละรายนับแต่วันฟ้อง (6 ก.ค.60) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากและราคาทรัพย์ ที่ผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาฉ้อโกงมีจำนวนมาก อีกทั้งคดีเป็นที่สนใจของประชาชนกับสื่อมวลชน เสนอเป็นข่าวใหญ่จึงถือเป็นคดีสำคัญ นายจิโรจน์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ 2 จำนวน 4 คน เป็นคดีทำงานในการพิจารณาสั่งคดี

โดยคดีดังกล่าวนายจิโรจน์ เอี่ยมโอภาส อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 มีคำสั่งฟ้องคดีอาญา บจก. เวลท์เอเวอร์, น.ส.พสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริษัทฯ, นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ จันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี มารดาซินแสโชกุน, นายก้องศรัณย์ แสงประภา อายุ 22 ปี ลูกพี่ลูกน้องของซินแสโชกุน, น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 35 ปี หญิงคนสนิทของซินแสโชกุน, นางประนอม พลานุสนธิ์ อายุ 40 ปี เลขานุการของซินแสโชกุน

นางณิชมน แสงประภา อายุ 64 ปี ป้าของซินแสโชกุนและเป็นมารดาของนายก้องศรัณย์, นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ35 ปี, น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล อายุ 25 ปี และนายโกวิท ช่วยสัตว์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-10 ในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3, 4, 12 และพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2534 และ พ.ศ.2545

และสั่งฟ้อง น.ส.พสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริษัทฯ, นางมณฑญาณ์ มารดาซินแสโชกุน, นายก้องศรัณย์ ลูกพี่ลูกน้องของซินแสโชกุน, น.ส.ทัศย์ดาว หญิงคนสนิทของซินแสโชกุน, นางประนอม เลขานุการของซินแสโชกุน, นางณิชมน ป้าของซินแสโชกุนและเป็นมารดาของนายก้องศรัณย์, นางพารินธรญ์, น.ส.สุดารัตน์ และนายโกวิท ผู้ต้องหาที่ 2-10 ในข้อหาร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลนั้นเป็นเท็จน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 ,14 (1) และเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210

ขณะที่ บจก.เวลท์เอเวอร์, น.ส.พสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริษัทฯ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ยังถูกสั่งฟ้องอีกในข้อหาร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 4, 6(10), 51และสั่งฟ้อง น.ส.พสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริษัทฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหา ซื้อหรือรับไว้ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากรฯที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ

ขณะที่นายจิโรจน์ เอี่ยมโอภาส อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 กล่าวถึงความเสียหายว่า เบื้องต้นประมาณ 51 ล้านบาท โดยผู้เสียหายแต่ละคน มีความเสียหายแตกต่างกันไป

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวเสริมว่า บริษัทดังกล่าวจัดตั้งเมื่อเดือนมกราคม60 แต่กลับสร้างความเสียหายที่รวดเร็วมาก ซึ่งคดีน.ส.พสิษฐ์ หรือซินแสโชกุน ได้ถูกฟ้องทุกข้อกล่าวหา ซึ่งความผิดร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มีอัตราโทษจำคุกสูง 5-10 ปี

นายปกรณ์ ธรรมโรจน์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด คณะทำงาน กล่าวอีกว่า น.ส.พสิษฐ์หรือซินแสโชกุน เคยถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกงมาประมาณ 4-6 คดีแต่ได้นำเงินไปจ่ายคืนผู้เสียหายเพื่อให้ยอมไปแล้ว อย่างไรก็ดี ในส่วนของคดีอาญาที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ ก็ทำควบคู่ไปพร้อมกับส่วนคดีแพ่งด้วย เพื่อนำคืนเงินผู้เสียหายซึ่งขณะนี้พบว่ามีทรัพย์สินบางส่วนที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจฯ 2 ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาแล้ว ศาลได้ประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข อ.2176/2560 โดยศาลจะเบิกตัว น.ส.พสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริษัทฯ กับพวกทั้งหมดที่ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อสอบคำให้การจำเลยต่อไป ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.00 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน