ป.ป.ช. ฟัน “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผิด ม.157 ย้าย​ “ถวิล เปลี่ยนศรี” มิชอบ​ เตรียมส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด ฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญานักการเมือง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ​ (ป.ป.ช.)​ แถลงว่า คณะกรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับพวก

ใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ​ จากข้อเท็จจริงเมื่อปีพ.ศ. 2554 ขณะนายถวิล ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ​ สมช. เป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี

มีอำนาจหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับกิจการความมั่นคงของประเทศ โดยเป็นที่ปรึกษา เสนอแนะนโยบาย มาตรการและแนวทางปฏิบัติด้านความมั่นคงแห่งชาติต่อ สมช. โดยเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2554 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้โทรศัพท์สั่งการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ดำเนินการทำเรื่องขอรับโอนนายถวิล มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ จากนั้นสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มีบันทึกข้อความลงวันที่ 4 ก.ย.2554 ถึง น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ ซึ่งดำรงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อขอความยินยอมรับโอนนายถวิล มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ้ยข้าราชการประจำ

และได้มีบันทึกข้อความลงวันที่ 4 ก.ย.2554 ถึงพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในฐานะรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของ​ สมช.เพื่อให้ความเห็นชอบและยินยอมการโอนนายถวิล มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ

นายนิวัติไชย​ กล่าวว่า​ ซึ่งทั้ง​น.ส.กฤษณา และพล.ต.อ.โกวิท ต่างให้ความเห็นชอบและยินยอมการโอนดังกล่าว และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ กรณีดังกล่าวสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจพบว่าวันที่ 4 ก.ย.2554 เป็นวันอาทิตย์​ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ

จึงได้มีการแก้ไขบันทึกข้อความทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นวันที่ 5​ ก.ย.2554 แต่เป็นการแก้ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาวันที่ 6 ก.ย.54 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อนุมัติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจรและในวันเดียวกันคณะรัฐมนตรีได้ประชุมและลงมติรับทราบให้โอนนายถวิล มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ

ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ จากนั้น​ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีคำสั่งให้นายถวิล มาปฏิบัติราชการ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีในตำแหน่งดังกล่าวทันที ซึ่งการแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว ดำเนินการอย่างเร่งรีบรวบรัด แล้วเสร็จภายใน 4 วัน เท่านั้น

โฆษกสำนักงาน​ ป.ป.ช.กล่าวว่า​ จากนั้นในวันที่ 4 ต.ค.2554 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุติแต่งตั้งพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี​ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ​ สมช.และในวันที่ 19 ต.ค.2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กต.ช)

ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 ก.ย.2555 และเป็นเครือญาติของตนเองให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรจแห่งชาติ แทนตำแหน่งที่ว่างลงต่อที่ประชุม ก.ต.ช. ในการประชุมครั้งที่ 5/2554 วันที่​ 19 ต.ค.54 ซึ่งที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติเห็นชอบในกรณีนี้

โดยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ ที่ อ.992/2556 คดีหมายเลขแดงที่​ อ. 33/2557 ลงวันที่ 20 ก.พ.57 ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิลจากตำแหน่งเลขาธิการ​ สมช.ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำเป็นการลดบทบาทและอำนาจหน้าที่ลง

โดยไม่แสดงเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่านายถวิล ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีประสิทธิภาพ มีข้อบกพร่องหรือไม่สนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งถือได้ว่ามีเหตุผลสมควรที่ผู้บังคับบัญชาสามารถสั่งโอนได้ตามความเหมาะสม จึงถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย​

อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 9/2557 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.57 ว่า การกระทำของ​ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งเป็นเครือญาติเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

การกระทำทั้งหมดมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ​ และของประชาชนแต่อย่างใด อันแสดงให้เห็นถึงการมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีวาระซ่อนเร้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยทุจริต​ การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้นายถวิล ได้รับความเสียหาย และเป็นการกระทำ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่​ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งเป็นเครือญาติของ​ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

“คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วเห็นว่า การกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์​ ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดวามเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอื่นเห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไปให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น พร้อมสำเนาอิเล็กทรอนิกส์

ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76 ต่อไป”


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน