จากกรณีคนร้ายฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างโหดเหี้ยม รวม 3 ศพ ในพื้นที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยรายแรก คือ นายศุภร โตกกราน อายุ 24 ปี รายที่สอง คือน.ส.สุภาพรรณ คงอยู่ดี อายุ 38 ปี พบศพเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นวันที่ 6 ต.ค. พบศพนายเสถียร ศรชัย อายุ 48 ปี ถูกทิ้งใต้สะพานยกระดับรังสิตเป็นรายที่สาม ทั้งหมดถูกมัดมือไพล่หลังฆ่าปาดคอ หลังเกิดเหตุ ตร.สืบสวนจนได้ภาพวงจรปิดผู้ต้องสงสัยก่อนขออนุมัติหมายจับ ล่าสุดวันที่ 7 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายจิมมี่ หรือบัง อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางรถจักรยาน ได้ที่บริเวณข้างถนนกำแพงเพชร แขวงและเขตจตุจักร กทม. โดยมีพยานชี้ยืนยัน แต่เบื้องต้นเจ้าตัวยังปฏิเสธให้การวกวน ต่อมาวันที่ 9 ต.ค. พบศพหญิงเร่ร่อนในเพิงพักใต้สะพานข้ามแยกลาดพร้าว ไม่ทราบชื่อจริง สัญชาติ พบบาดแผลที่ลำตัว 1 แห่ง ศีรษะมีร่องรอยถูกทุบด้วยของแข็ง ถูกแทงด้วยมีด 5 แผล เตรียมนำคดีมาเทียบเคียงกันล่าตัวคนร้าย ตร.ยืนยันจับ จิมมี่ไม่ผิดตัว แม้ยังให้การปฏิเสธ รอแค่ผลตรวจดีเอ็นเอ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว อีกศพ-สาวเร่ร่อน สอบโยงฆ่าต่อเนื่อง-ราย4 ใช้วิธีคล้ายกัน-แทง-จับมัด หมกใต้สะพานแยกลาดพร้าว
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆ่าตรกรรมต่อเนื่องที่ลงมือก่อเหตุฆ่าชายเร่รอน เหตุเกิดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ว่า ขณะนี้มีการจับผู้ต้องหาได้เพียง 1 ราย คือนายจิมมี่หรือบัง อายุ 20 ปี ชาวพม่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่อยากให้พูดว่าเป็นการฆาตกรกรรมต่อเนื่อง เพราะเป็นคนละคดี เกิดขึ้นต่างเวลากัน และคดีแรกพบว่าเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง เรื่องการดื่มสุราแล้วก็ฆ่ากันตาย ไม่ใช่เป็นโรคจิตแล้วฆ่าต่อเนื่องแต่อย่างใด ฝากเตือนประชาชนอย่าไปในพื้นที่เสี่ยงเพียงลำพัง ส่วนกรณีที่ทางกองบังคับปราบปราม จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้อีก 1 รายนั้น เป็นแค่กระแสข่าว
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการเข้มกวดกวดขันคนเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพฯและชุมชนเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่นๆบูรณาการแก้ปัญหา เช่น เพิ่มพื้นที่แสงสว่างตามจุดเสี่ยงต่างๆให้มากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มกำลังตามจุดเสี่ยงต่างๆ และที่ผ่านมาตำรวจมีการจับผู้ต้องหาที่ฆ่าคนเร่ร่อนอย่างต่อเนื่อง แต่พอดำเนินคดีไปแล้วก็มีคนร้ายคนอื่นๆ โผล่ขึ้นมาอีก ซึ่งทุกพื้นที่ของโลกก็มีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดนี้ ในเวลานี้ก็ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ให้มากขึ้น
รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พบศพหญิงเร่ร่อนถูกฆ่าในลักษณะเดียวกัน บริเวณจุดกลับรถใต้สะพานข้ามแยกลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กทม. จากการสืบสวนสอบสวนในชั้นนี้ยังไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับ 3 ศพ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดไม่ได้เป็นความบกพร่องของตำรวจในพื้นที่ เพราะทุกคนทำงานเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามพนักงานสืบสวนได้มีการเก็บหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นร่ม ก้อนอิฐ และเสื้อเปื้อนเลือด ไปตรวจที่สถานบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับนายจิมมี่ ผู้ต้องหาที่จับได้ก่อนหน้านี้ คาดว่าจะทราบผลได้ภายใน 2 สัปดาห์
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อดูร่องรอยหลักฐาน ตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบก.น.2 และพ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.พหลโยธิน ไปหาหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับตัวผู้ต้องสงสัย คดีนี้ไม่น่าจะยาก เพราะว่าจากการตรวจสอบหลักฐานในสำนวน และจากการซักถามจากฝ่ายสืบสวน ซึ่งผู้กำกับยืนยันและเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ตนยังไม่อยากบอกว่าเป็นจิมมี่ผู้ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามก็ต้องสอบจิมมี่เพิ่ม ด้านผลดีเอ็นเอยังบอกไม่ได้ว่าจะได้เมื่อไร เพราะตนไม่ได้ตรวจเอง คาดว่าวันนี้คดีน่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในใจมีคนเดียว ส่วนที่กองปราบนั้นเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว หลังนำมาสอบปากคำซึ่งผลพิสูจน์ทราบยังไม่ชัดเจน เมื่อเขาสงสัยใครก็ต้องนำมาสอบสวนและก็พิสูจน์ทราบ แม้ผู้ต้องหารับแต่ไม่มีหลักฐานก็จับเขาไม่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดผลการตรวจดีเอ็นเอจากศพที่พบทั้ง 3 รายในจังหวัดปทุมธานี ตรงกับนายจิมมี่ ชาวเมียนมา โดยเลือดที่พบบนเสื้อผ้าของนายจิมมี่ ที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพบตรงกับผู้ชาย 2 ศพที่ปทุมธานี และพบดีเอ็นเอตรงกับศพของผู้หญิงรายที่ 4 ที่ยังไม่ทราบชื่อพื้นที่สน.พหลโยธิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน กำลังอยู่ระหว่างใช้น้ำยาตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ยืนยันได้ว่าจิมมี่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุอย่างแน่นอน
