วันที่ 11 ต.ค. นายไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ รอง ผวจ.นครพนม พ.ต.อ.ธีทัต อิ่มทั่ว รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.นครพนม และ พ.ต.อ.ธานัท จิราธนากุล ผกก.สภ.ท่าอุเทน พร้อมชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม ชุดสืบสวน สภ.ท่าอุเทน ฝ่ายปกครอง ตชด.237 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ (นพ.2) พนอม ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดกรณีกลุ่มคนร้ายบุกใช้ปืนจี้เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม บ้านเหล่าหนาด หมู่ 8 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รวมทั้งแม่ชีและสมภารวัด ก่อนตัดต้นพะยูงขนาด 2 คนโอบ อายุกว่า 100 ปี ที่อยู่ในวัด แล้วพากันหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านม เพื่อหาร่องรอยหลักฐานของคนร้ายและสอบปากคำพยานแวดล้อม เพื่อเป็นแนวทางสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

 

201610111552432-20041020145119
พ.ต.อ.ธีทัต กล่าวว่า คาดว่าคนร้ายที่ลงมือปฏิบัติการครั้งนี้อาจชำนาญพื้นที่ เพราะทำงานรวดเร็วไม่ทิ้งหลักฐานไว้ ส่วนไม้พะยูงที่ตัดโค่นลงคนร้ายเลื่อยเอาเฉพาะแก่นไม้ความยาว 3 เมตร ที่มีเส้นรอบวงเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ เชื่อว่าอาจถูกลำเลียงลงเรือติดเครื่องยนต์ข้ามแม่น้ำโขงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศปลายทางแล้ว ทำให้ยากต่อการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด ล่าสุดได้ส่งชุดสืบสวนประสานกับตำรวจในพื้นที่ออกหาข่าวและเบาะแส เพื่อเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว

 

201610111552433-20041020145119
ด้านนายไพฑูรย์ กล่าวว่า เท่าที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบสิ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตว่าพื้นฐานรอบโค่นต้นมีการวางระบบป้องกันไว้อย่างดี โดยการนำเอาลวดหนามตอกตะปูขึงวนรอบโคนต้นสูงจากพื้นดิน 3 เมตร เพื่อป้องการและชะลอผู้มาลักลอบตัดต้องใช้เวลา อีกทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุยังให้เบอร์โทรศัพท์กับเจ้าอาวาสและญาติโยมอีก 2 คน เพื่อจะได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทราบอย่างทันท่วงที ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับไว้เพื่อไม่ให้ติดต่อแจ้งข่าวกับเจ้าหน้าที่

 

201610111552434-20041020145119
นายไพฑูรย์ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามเจ้าอาวาสยังบอกด้วยว่าคนร้ายยังใช้สายไฟต่อเสียบกับปลั๊กไฟวัด ก่อนใช้เลื่อยยนต์ไฟฟ้าที่เก็บเสียงโค่นต้นพะยูง ก่อนตัดท่อนโคนต้นใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 30 นาที จากนั้นจึงถอยกระบะที่จอดอยู่หน้าวัดมาลำเลียงไม้ขึ้นรถ ก่อนจะขับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางตัว อ.ท่าอุเทน แต่ไม่น่าจะขับผ่านด่านตรวจ ตชด.237 ริมทางหลวงซึ่งมีกล้องวงจรปิด คาดว่าน่าจะเลี้ยวซ้ายลัดเลาะนำไม้พะยูงท่อนนี้ มุ่งสู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ห่างจุดตัดแค่ 2 กิโลเมตร ลงเรือข้ามฝั่งไปประเทศเพื่อนบ้านในคืนเดียวกัน

“ล่าสุดได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง ประชุมร่วมกับทหารและตำรวจในพื้นที่ เพื่อถอดบทเรียนหาความบกพร่อง และอาจจะเพิ่มด่านจุดตรวจจุดสกัดในเส้นทางนี้ด้วยหรือไม่ ส่วนจะมีคนในมีเอี่ยวด้วยหรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสวนสอบเสียก่อน แต่ญาติโยมผู้อยู่ในเห็นการณ์ระบุว่าไม่เห็นหน้าคนร้าย ได้ยินแต่เสียงพุดคุยกันน่าจะไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่พูดสำเนียงอีสาน ซึ่งได้กำชับให้นายอำเภอท่าอุเทน ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์และส่งรายงานให้จังหวัดทราบ โดยจะขีดเส้นให้ภายใน 15 วันต้องได้ตัวคนร้ายมาลงโทษ” นายไพฑูรย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกิตติพันธ์ จันทร์นนท์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ (นพ.2) พนอม ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ทหาร นำลวดหนามความยาวกว่า 20 เมตร ไปมัดตอกตะปูพันรอบต้นพะยูงอีกต้นที่สูง 60 เมตร เส้นรอบวง 80 ซ.ม. ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ตัด 50 เมตร อยู่ด้านหลังกุฏิร้างในป่าละเมาะ โดยมัดจากโค่นต้นสูง 3 เมตร เพื่อป้องกันการลอบลักลอบตัด หลังต้นพะยูงต้นนี้เป็นที่หมายปองของแก๊งมอดไม้ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน