อัยการ-ตร.ยกทีมแจงสภา ทำไมไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา รุมซักยิบผลตรวจยาเสพติดล่องหน ด้านอดีตผกก.ทองหล่อ ยันผลยาเสพติดอยู่ในสำนวน เรียก‘น้องบิ๊กป้อม’สอบด้วย

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ. )กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในวาระสำคัญคือ การเชิญนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงกรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มบำรุงกำลังชื่อดัง ที่ขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตปี 2555

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายเนตร ไม่เดินทางมาชี้แจงต่อ กมธ. โดยมีนายปรเมศร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี และนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 มาชี้แจงแทน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ขณะที่ฝ่ายตำรวจที่มาชี้แจงต่อกมธ. ได้แก่ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์,พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.สภ.สมุทรปราการ ในฐานะอดีตผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ เข้าชี้แจง

เมื่อเริ่มการประชุม กมธ.หลายคนซักถามข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ มากมาย อาทิ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. สอบถามกรณีผลตรวจร่างกายนายวรยุทธ จากทางโรงพยาบาลที่พบสารโคเคนในร่างกาย แสดงว่านายวรยุทธขับรถระหว่างเสพสารเสพติด

แต่เหตุใดจึงไม่มีเรื่องดังกล่าวอยู่ในสำนวนการสอบสวนของตำรวจที่ส่งให้อัยการ และกรณีนายสุเวช หอมอุบล พ่อบ้านของนายวรยุทธ ที่ออกมารับผิดแทนว่าเป็นผู้ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ได้มีการดำเนินคดีอย่างไร และแสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนให้มีแพะล่วงหน้าใช่หรือไม่

นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ฯ สอบถามว่าเหตุใดตำรวจจึงกลับคำเรื่องความเร็วรถเฟอร์รารี่ของนายวรยุทธ จาก 177 กม./ชม. แต่ 6 ปีต่อมาเปลี่ยนเป็น 80 กม./ชม. ทั้งที่รถราคา 32 ล้านบาท ถ้าขับด้วยความเร็ว 80 กม./ชม.จะเบรกได้ทันที แต่เหตุใดกลับมีรอยลากยาวไป 160 เมตร แสดงว่ามีการบิดเบือนเรื่องความเร็วจริงหรือไม่

และคณะกรรมาธิการกฎหมายและการยุติธรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีอำนาจอะไรสั่งการให้อัยการพิจารณาประเด็นที่นายวรยุทธร้องขอความเป็นธรรม ทั้งที่เดิมอัยการไม่มีการรับคำร้องขอความเป็นธรรมจากนายวรยุทธ

นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ.ฯ สอบถามว่า เหตุใดตำรวจจึงไม่แย้งคำสั่งอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดี และขอให้กมธ.ใช้อำนาจเรียกคณะกมธ.กฎหมายฯ สนช.มาให้ข้อมูลต่อกมธ.ว่า เหตุใดจึงส่งหลักฐานให้อัยการดำเนินการรับคำร้องขอความเป็นธรรมจากนายวรยุทธ ทั้งที่กมธ.ดังกล่าวไม่มีอำนาจสอบหาพยานหลักฐานใดๆ

นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ฯ ซักถามถึงกรณีที่อัยการทำไมจึงเปลี่ยนแปลงการสั่งคดีจากที่เคยสั่งฟ้องนายวรยุทธ มาเป็นสั่งไม่ฟ้อง

พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.สภ.สมุทรปราการ ในฐานะอดีตผกก.สน.ทองหล่อ ชี้แจงว่า เรื่องรายงานการตรวจสารแปลกปลอมในร่างกายนายวรยุทธ อยู่ในสำนวนตำรวจที่ส่งให้อัยการครบถ้วน แต่เหตุที่ไม่มีการส่งฟ้องในข้อหานี้ เพราะเป็นดุลยพินิจของคณะพนักงานสอบสวนที่มีหลายคน ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ขอไปชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งขึ้น

ส่วนเรื่องนายสุเวช หอมอุบล พ่อบ้านที่ออกมารับผิดแทนนายวรยุทธนั้น ได้ดำเนินดคีแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จและศาลตัดสินลงโทษไปแล้ว ส่วนข้อสงสัยที่ว่ามีการเตี๊ยมกันให้เป็นแพะนั้น คงไม่ใช่ เพราะจากการสอบสวนนายสุเวชให้การไม่ได้เลย ไม่น่าจะใช่การเตี๊ยมให้รับผิดแทน ส่วนที่นายสุเวชยอมรับผิดแทน เนื่องจากเป็นพ่อบ้านที่คอยติดตามนายวรยุทธ มีหน้าที่ขับรถตามนายวรยุทธ แต่ที่ออกมารับผิดแทน เพราะเป็นหนี้บุญคุณพ่อของผู้ต้องหา

“ระหว่างตำรวจรอหมายเข้าไปตรวจค้นบ้านในวันเกิดเหตุนั้น เห็นสมุดบันทึกเข้าออกภายในบ้านดังกล่าวที่อยู่บนป้อมยาม พบมีการบันทึกว่า นายวรยุทธขับรถออกจากบ้านไปตอน 05.00 น.และกลับเข้ามาในเวลาไม่นานหลังเกิดเหตุ จึงสันนิษฐานว่านายวรยุทธเป็นผู้ต้องหา ไม่ใช่นายสุเวชที่ไม่มีบันทึกการเข้าออก ซึ่งนายสุเวชก็ยอมรับว่า ไม่ใช่คนขับรถคันดังกล่าว แต่นายวรยุทธเป็นผู้ขับ ระหว่างเข้าไปตรวจค้นบ้านนายวรยุทธ พบรถคันก่อเหตุ มีร่องรอยความเสียหาย ซึ่งคนในบ้านยอมรับว่า นายวรยุทธเป็นคนขับ จึงนำตัวนายวรยุทธไปสอบสวน พร้อมขอให้เปิดเสื้อดูรอยบาดแผลว่า มีการขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดจริงหรือไม่ เนื่องจากแอร์แบ็กในรถแตก

นายปรเมศร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี ชี้แจงว่า สำนวนคดีนายวรยุทธมีทั้งหมด 4 แฟ้ม 5 ข้อหา แต่อัยการ 7 คนที่สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่เคยเห็นสำนวนทั้งหมดมาก่อน เพราะไม่ได้ดูคดีนี้ตั้งแต่แรก ขณะนี้อัยการทั้ง 7 คนอยู่ระหว่างตรวจสอบสำนวนโดยละเอียด จึงขอเลื่อนการตอบคำถามต่างๆ เป็นสัปดาห์หน้าต่อกมธ. จะชี้แจงทุกคำถาม ทุกคำถามต้องมีคำตอบ และยืนยันาไม่มีใครแทรกแซงการทำงานได้ เราไม่ได้สอบเพื่อปกป้องคนสั่งหรือคนผิด แต่สอบเพื่อชี้แจงต่อประชาชนให้ได้ ไม่ต้องห่วงจะปกป้องใคร

ส่วนพล.ต.ท.ชนสิษฐ์ วัฒนรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้แม้แต่ตนและผบ.ตร.ก็ยังสงสัย ทำไมไม่สั่งฟ้อง วันนี้หน่วยงานต่างๆ ตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนถึง 3 ชุด จึงขอเวลาสอบสวนข้อมูลทั้งหมดก่อน แล้วจะมาชี้แจงต่อกมธ.ในสัปดาห์หน้าพร้อมกับอัยการ

ช่วงท้ายการประชุม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานกมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ที่เข้าร่วมสังเกตการประชุมด้วย เสนอต่อที่ประชุมว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวอยากให้กมธ. 3 คณะ คือ กมธ.กฎหมาย กมธ.ศาล องค์กรอิสระ อัยการ และกมธ.ตำรวจ มาร่วมกันพิจารณาพร้อมกันในวันพุธที่ 5 ส.ค. เพื่อจะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงในคราวเดียว โดยที่ประชุมกมธ.กฎหมายฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว

โดยนายรังสิมันต์ โรม เสนอให้ทั้ง 3 กมธ.พิจารณาเรื่องนี้ทั้งวันในวันที่ 5 ส.ค. ตั้งเวลา 09.30 น.เป็นต้นไป โดยให้กมธ.เรียกเอกสารบันทึกการประชุมของกมธ.กฎหมาย ยุคสนช. พร้อมเรียกพล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตประธานกมธ.กฎหมาย สนช., นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความนายวรยุทธ, นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด, นายฤชา ไกรฤกษ์ รองอธิบดีอัยการ

พ.ต.ท.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตนายตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดีดังกล่าว นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ยืนยันว่ารถของนายวรยุทธใช้ความเร็ว 80 กม./ชม. ตลอดจนคณะกรรมการ 3 คณะที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี อัยการสูงสุดและตร. มาชี้แจงกับกมธ. 3 ชุดในวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน