จากกรณี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. สนธิกำลังตำรวจท่องเที่ยวและสน.โคกคราม จับกุมพล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. จ.อ.เสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม จ.อ.เทพพิทักษ์ รัดทะนี และจ.อ.ทรงวุฒิ เที่ยงธรรม ทั้ง 4 นาย สังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ นายโอภาส ศรียา และนายโก๊ะ เต๊ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ร่วมกันก่อเหตุอุ้มนายสุรชัย แซ่ย่าง นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ไปรีดเงินค่าคุ้มครอง 20 ล้านบาท กระทั่งนำกำลังจับกุมผู้ต้องหา 10 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่สน.โคกคราม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดปทุมวัน รอง ผกก.สส. สน.โคกคราม เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม และตำรวจสายตรวจ บก.สปพ. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายอุทิศ ก่อแก้ว หรือ จ่ายักษ์ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1813/2560 ในฐานความผิดข้อหาร่วมกันบุกรุกในเคหสถานและร่วมกันกรรโชกทรัพย์

โดยจับกุมได้ที่ห้องพักภายในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ย่านจ.ปทุมธานี ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมจะหลบหนี และควบคุมตัวนางอารีรัตน์ ชมเชี่ยวชาญ อายุ 50 ปี ภรรยานายอุทิศอีกคนในข้อหาให้การช่วยเหลือซ่อนเร้นผู้ที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งส่งตัวไปดำเนินคดีที่สภ.เมืองปทุมธานีแล้ว จึงควบคุมตัวมาเพื่อสอบสวน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายอุทิศ หรือจ่ายักษ์ เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า รับการจ้างวานและจัดหาประสานร่วมแก๊งอุ้มรีดจากพ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 ปอศ โดยประสานผ่านนายโอภาส ศรียา ให้ไปเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีนพาไปพบพล.ต.จรูญที่โรงเรียนย่านดอนเมืองเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าชาวจีนได้บัตรประชาชนปลอม และไม่ทราบรายละเอียดอื่น โดยได้ค่าจ้าง 3 หมื่นบาท

พ.ต.ท.ทัสสุมิ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจ่ายักษ์ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และร่วมก่อเหตุกับแก๊งดังกล่าว ซึ่งจ่ายักษ์เคยเป็นลูกน้องของพล.ต.จรูญ อำภา นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย หนึ่งในผู้ต้องหา ตั้งแต่พล.ต.จรูญเป็นพันเอกพิเศษ โดยถูกเรียกให้มาทำหน้าที่คุ้มกันและจัดหาทีมคุ้มกัน

ล่าสุดเมื่อเช้าที่ผ่านมา ศาลออกหมายจับชายอีก 1 คนตามภาพวงจรปิด เป็นชายคนขับยานพาหนะ คือนายนวพล ท้าวคำหลง อายุ 50 ปี โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัว โดยขณะนี้สามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ได้ครบหมดแล้ว

ในส่วนข้อหา ซ่องโจร อั้งยี่ คาดว่าจะดำเนินการได้ในวันนี้ และจากการสอบสวนพบผู้ที่กระทำผิดในคดีนี้ทั้งหมด 12 ราย จับแล้ว 10 ราย ยังเหลืออีก 2 รายที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งอยากให้ผู้ที่ร่วมขบวนการที่เหลือเดินทางเข้ามอบตัวโดยเร็ว หากไม่มามอบตัวทางเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตามจับเองถึงในบ้าน

รายงานข่าวแจ้งว่านายอุทิศป็นทหารยศ ส.อ. สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งนายอุทิศเป็นลูกน้องเก่าของพล.ต.จรูญ ตนจึงได้ติดตามมาทำงานกับทางพล.ต.ให้มาทำหน้าที่คุ้มกัน และจัดหาทีมคุ้มกัน นายอุทิศจึงได้ติดต่อนายฐิติกร และให้นายฐิติกรเป็นคนจัดหาลูกน้องอีกที

จากการสอบปากคำนายอุทิศทราบว่าภายหลังจากการเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีน ครั้งแรกได้เงินมาจำนวน 1,000,000 บาท แต่ยังไม่ได้ส่งให้พล.ต.จรูญ ต่อมานักธุรกิจชาวจีนโอนเงินเข้าบัญชีมาอีก 1,000,000 บาท โดย นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ซึ่งทำหน้าที่ล่ามได้หักเงินไป จำนวน 400,000 บาท จึงเหลือส่งมอบให้พล.ต.จรูญเพียง 1,600,000 บาท จากนั้นนายอุทิศก็ได้เงินส่วนแบ่งจำนวน 30,000 บาท ก่อนจะนำไปแจกจ่ายให้การนายฐิติกร จำนวน 15,000 บาท อย่างไรก็ตามนายอุทิศ ได้มีหนังสือคำสั่งให้ออกจากราชการเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน