จากกรณีศพทารกเพศหญิงอายุในครรภ์ 6 เดือน ซึ่งเสียชีวิตลง หลังจากคลอดก่อนกำหนดมาลืมตาดูโลกได้เพียง 2 วัน และเสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ กระทั่งเช้าเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ทางผู้เป็นแม่วัย 15 ปี และครอบครัวเดินทางมาที่ห้องพักศพโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อจะนำศพทารกไปบำเพ็ญกุศล แต่กลับได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ว่าศพทารกได้หายไปอย่างปริศนา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว แม่โวย-ศพลูก หายจากรพ. สมุทรปราการ ผอ.สั่งสอบแล้ว ยังไม่รู้ใครเอาไป ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น

201610121536082-20041020105821

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ต.ค. พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ และพ.ต.ท.นพดล ช่างเรือน สว.สส สภ.เมือง พร้อมชุดสืบสวน เดินทางเข้าไปตรวจสอบบริเวณห้องพักศพ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณข้างลานจอดรถ หลังโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลด้วยตนเอง

201610121536084-20041020105821

พล.ต.ต.ธรรมนูญ เปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังเกิดเหตุได้ทราบข้อมูลจากทางผู้เสียหายว่า เมื่อช่วงเวลา ประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 10 ต.ค. ยังพบศพทารกอยู่ในห้องพักศพอยู่ตามปกติ ซึ่งเชื่อว่าเวลาที่ศพหายนั้นน่าจะเป็นช่วง หลังเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ เข้าเวรอยู่เพียง 2 คน เป็นช่วงสะดวกต่อการเข้ามาก่อเหตุ ทั้งนี้ทางผบช.ภ.1 ให้ความสนใจในคดี ส่วนทางด้านการสืบสวนนั้น ตนได้มอบหมายให้พ.ต.ท.นพดล ช่างเรือน สว.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ ลงมาสืบสวนเพื่อคลี่คลายคดี ขณะนี้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าเวรในวันเกิดเหตุไปแล้ว 3 ปาก เพื่อหาสิ่งผิดปกติและข้อเท็จจริงมาว่ากัน โดยทุกอย่างในการทำงานนั้นต้องเป็นไปตามพยานและหลักฐาน จึงยังไม่อยากกล่าวหาว่าใครเป็นคนก่อเหตุ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบบริเวณห้องพักศพ ไม่มีกล้อง วงจรปิดติดอยู่ จึงทำให้ตรวจสอบยากขึ้น และส่วนทางด้านสามีของแม่เด็ก นายสุริเยศ ต้อนโสกรี อายุ 18 ปี เรียกมาสอบสวนแล้ว พบสองสามีภรรยา แยกกันอยู่ แต่ยังไปมาหาสู่กัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศพลูกที่หายไป

ด้าน นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ กล่าวว่า สำหรับในส่วนระบบของการจัดการของห้องพักศพนั้น ทางโรงพยาบาลเปิดให้ทางเอกชน ประมูลเข้ามาดูแล ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าศพนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่ของเอกชน แต่ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถที่จะปัดความรับผิดชอบได้ เนื่องจากเป็นเจ้าของพื้นที่ ทางโรงพยาบาลจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขณะนี้ได้เรียกเจ้าหน้าที่ของเอกชน ที่เข้าเวรอยู่ห้องพักศพทั้ง 2 คน และเจ้าหน้าที่นิติเวชมาสอบสวนด้วยตนเองแล้ว แต่ยังไม่มีสิ่งผิดปกติ โดยทางโรงพยาบาลยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าศพทารกหายไปไหน จึงขอเวลาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางโรงพยาบาลทำงานก่อน เพื่อหาความจริงปรากฏให้มากที่สุด

ทั้งนี้ สำหรับในห้องพักศพ คืนวันที่ 10 ต.ค. มีซากศพเด็กทารกทั้งหมด 11 ศพ ที่อยู่ในตู้แช่ แต่ศพทารกที่หายไปนั้นมีขนาดเล็กมาก น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม เล็กกว่าปกติถึง 3 เท่า จึงง่ายต่อการซุกซ่อนเพื่อนำออกไป และช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น เป็นช่วงหลังเที่ยงคืน มีเจ้าหน้าที่เข้าเวรเพียง 2 คน และช่วงกลางคืน มีศพบนตึกผู้ป่วยจำนวน 6 ศพ ที่ทางเวรต้องขึ้นไปดำเนินการนำศพลงมา ซึ่งเวลาดังกล่าวอาจจะเป็นช่องว่างให้คนร้ายเข้ามาขโมยศพทารกไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางโรงพยาบาลจะมอบหมายให้ทางนิติกรของรพ. คือนายประจง สาตราวาหะ เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงพยาบาลเพราะเจ้าทุกข์ด้วย

ส่วนทางน.ส.นา (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ผู้เป็นแม่ของทารก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนก็ยังแคลงใจว่าศพทารกบุตรสาวตนนั้น ซึ่งอยู่ในห้องพักศพของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่ราชการและค่อนข้างปลอดภัยหายไปได้อย่างไร และทำไมเจ้าหน้าที่ถึงได้บกพร่อง ปล่อยให้ห้องพักศพว่างไม่มีคนเฝ้า ส่วนสาเหตุตนคาดว่า อาจจะเป็นฝีมือของคนร้ายที่ต้องการนำศพของตนไปทำเกี่ยวกับไสยศาสตร์ และอีกประเด็น เจ้าหน้าที่เฝ้าห้องพักศพจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจสืบสวนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน