ถอยดีกว่า! ประธาน กมธ.งบฯ ย้ำ เรือดำน้ำมีความจำเป็น แต่โควิด-19 ยังไม่แน่นอน ต้องเลื่อนไปก่อน ขณะที่ฝ่านค้านแพ้โหวต ตัด 111 ล้าน สู้คดีเหมืองทองอัครา

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เวลา12.10 น. ที่รัฐสภา นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ออกมาแสดงท่าทีผ่อนคลายในการจัดซื้อเรือดำน้ำ

ซึ่งขณะนี้ภัยจากโควิด-19 ยังไม่ชัดเจนว่าจะจัดการได้เมื่อใด ซึ่งโฆษกรัฐบาลได้ออกมาชี้แจงระดับหนึ่งแล้วโดยกมธ.งบฯ จะประชุมช่วงบ่ายวันนี้ (31ส.ค.)โดยเอาข้อมูลด้านความมั่นคงและผลกระทบทางเศรษฐกิจรวมถึงความกังวลของกองทัพเรือมาพิจารณาร่วมกันโดยจะให้ความสำคัญในทุกมิติ ซึ่งกมธ.ฯ จะรอการชี้แจงจากฝ่ายกองทัพเรือ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเข้าชี้แจงเป็นคณะบุคคลหรือเอกสาร

นายสันติ กล่าวต่อว่า เท่าที่คุยกับกมธ.ฯทุกคนเห็นด้วยกับความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องมีเรือดำน้ำเพื่อเฝ้าดูแลด้านความมั่นคงทางทะเล และทรัพยากรเป็นเสมือนกล้องวงจรปิด ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่มีหมดแล้ว ยกเว้น ลาว และกัมพูชาเท่านั้น จึงมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าใจถึงความจำเป็น

ซึ่งการจัดซื้อเรือดำน้ำอนุมัติงบประมาณแล้วตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 แต่ด้วยความปรารถนาดีของกองทัพเรือ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ช่วงเดือนก.ค.รุนแรง จึงให้ความร่วมมือกับรัฐบาลคืนเงินที่ยังไม่ได้ใช้ไปก่อน โดยรัฐบาลจะตั้งงบประมาณคืนให้ในปีงบประมาณ 2564

แต่สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่แน่นอนและมีความจำเป็นด้านเศรษฐกิจที่ต้องผ่อนคลายเงินค่างวดจ่ายเรือดำน้ำอีกครั้ง โดยกองทัพเรือต้องไปเจรจากับรัฐบาลจีน เพื่อผ่อนคลายการชำระ และเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและปากท้อง แต่ทั้งนี้การตัดสินใจขึ้นอยู่กับเสียงในกมธ.ฯไม่ขอพูดไปก่อน ว่ากมธ.ฯห็นชอบการผ่อนจ่ายหรือไม่ ซึ่งบ่ายวันนี้ (31 ส.ค.) ที่ประชุมคงจะได้พูดคุยกันในเรื่องการชำระเงินที่ต้องแบ่งทยอยจ่าย จะทำอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่าในส่วนของงบประมาณการซื้อเรือดำน้ำงวดแรก จะนำไปใช้ในส่วนใดนายสันติกล่าวว่า คงอยู่ที่สำนักงบประมาณว่า จะนำไปใช้ในส่วนใด จะนำไปใช้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา โควิด-19 นำไปช่วยด้านสาธารณสุข หรือสนับสนุนการผลิตวัคซีนป้องกันหรือไม่ คงต้องนำมาพูดคุยกันก่อนอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนพักการประชุม กมธ.งบฯ ช่วงเช้าที่ประชุมได้พิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ฯ เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีการพิจารณางบประมาณของกระทรวงอุตสาหกรรม 111 ล้านบาท เพื่อต่อสู้คดีที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย

บริษัทแม่ ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี จังหวัดพิจิตร ฟ้องร้องรัฐบาลไทย กรณีหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ โดย นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.ฯจากพรรคเสรีรวมไทย ใช้สิทธิแปรญัตติตัดงบประมาณทั้งหมด 111 ล้านบาท

เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า หัวหน้า คสช. ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่มีสิทธิใช้งบประมาณต่อสู้คดี แต่ในที่สุดที่ประชุมมีมติ 38 ต่อ 21 เสียง ให้ปรับลดงบประมาณเพียง 12 ล้านบาทตามที่อนุกมธ.ฯเสนอมาเท่านั้น ทางนพ.เรวัต และกมธ.ฯที่เห็นตรงกันจึงขอใช้สิทธิสงวนคำแปรญัตติขอให้ตัดงบประมาณทั้งหมด 111 ล้านบาท ในชั้นการพิจารณารายมาตราวาระ 2 ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน