สาวบุกร้องบช.น. เจ้าของอู่ซ่อมรถ หลอกทำประกัน ขับชน-เคลมนับแสน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) น.ส.กัญณัฏฐ์ เเสงไกรชัยกิจ อายุ 52 ปี พร้อมนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้เเทน ผบช.น.
เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดี เจ้าของอู่รถยนต์ย่านรามอินทรา หลังเชื่อว่าถูกเจ้าของอู่รายนี้หลอกลวงให้ทำประกันรถยนต์ก่อนนำรถตัวเองไปเฉี่ยวชนกับคู่กรณีเพื่อเรียกค่าสินไหมกว่า 120,000 บาท
น.ส.กัญณัฏฐ์ กล่าวว่า นำรถยนต์ฮอนด้าเเจ๊ส สีขาวดำ ของ ด.ต.หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนคนสนิท เข้าอู่รถยนต์ดังกล่าว เพื่อว่าจ้างให้เปลี่ยนสีรถยนต์จากเดิมขาว-ดำ เป็นสีเเดง เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าของอู่พูดจาโน้มน้าวให้ซื้อประกันภัยรถยนต์จากบริษัทใดก็ได้ก่อน เพื่อที่เมื่อเปลี่ยนสีเเล้วจะได้มีบริษัทประกันภัยมารองรับค่าใช้จ่าย พร้อมกับให้นำสมุดบัญชีธนาคารเเละบัตรเอทีเอ็มฝากไว้ เพื่อให้สะดวกในการเบิกจ่ายเงินค่าสินไหม เพราะอู่รถยนต์ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสังกัดของบริษัทประกันภัย ซึ่งได้หลงเชื่อจึงซื้อประกันภัยจากบริษัทแห่งหนึ่ง
“แต่เมื่อให้อู่เปลี่ยนสีรถยนต์ เจ้าของอู่กลับดึงเวลาอ้างว่ายังเปลี่ยนสีไม่เเล้วเสร็จหลายครั้ง จนผิดสังเกต กระทั่งเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ตัวเองตัดสินใจไปรับรถโดยไม่บอกล่วงหน้า ก็พบว่ารถยนต์มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งตัวรถที่สีไม่เรียบร้อย มีอะไหล่ช่วงล่างชำรุด พวงมาลัยสั่นคลอน และล้อเเม็กเสียหาย เมื่อถามกลับได้คำตอบจากอู่ว่าจะซ่อมให้ จึงนำรถไปไว้ที่อู่อีกครั้ง เเต่เมื่อนำกลับมาอีกครั้งกลับพบว่ารถชำรุดหนักกว่าเดิม” น.ส.กัญณัฏฐ์ กล่าว
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เมื่อสอบถามไปทางบริษัทประกันทราบว่า ในช่วง 2 เดือนที่อยู่กับอู่ดังกล่าว มีบันทึกการเฉี่ยวชนเพื่อเรียกค่าสินไหมทดเเทนถึง 6 ครั้ง เป็นการชนต่างพื้นที่ต่างจังหวัดกัน เเต่มีชื่อแจ้งอุบัติเหตุเป็นคนเดียวกัน ซึ่งส่วนตัวก็ไม่รู้จักชายคนดังกล่าวมาก่อน
จึงนำเรื่องไปเเจ้งความกับตำรวจสน.บางเขนไว้ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา จากที่เคยพูดคุยกับเจ้าของอู่ ทราบมาว่า ลูกชายมีปัญหาเรื่องเงิน ยอมรับว่าตัวเองก็สงสัยว่าปัญหานี้กับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกี่ยวกัน ซึ่งการที่รถของตนถูกนำไปชนหลายครั้งทำให้เสียประวัติหากเกิดอุบัติเหตุจริง
ด้านนายรัชพล กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน ทำให้เสียทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ เเละฉ้อโกงประกันภัย ล่าสุดตำรวจยังไม่สอบสวนผู้ร้องทุกข์ จึงเกรงว่าคดีจะล่าช้า จำเป็นต้องพาผู้เสียหายมาร้องเรียนกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล
ขณะที่ทางเจ้าของอู่เองก็โทรศัพท์มาคุยกับผู้เสียหายพยายามจะไกล่เกลี่ย พร้อมสารภาพว่าได้เเบ่งเงินค่าสินไหมทดเเทนจากประกันภัยรถยนต์ให้กับเจ้าหน้าที่ประกันภัยด้วย จึงเชื่อว่าทำเป็นขบวนการ วอนตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
