ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปี สามีของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผอ.กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำญาติพี่น้องออกตามหา น.ส.จุฑาภรณ์ ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 60 ขณะนี้เวลาผ่านไปนานร่วม 2 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบตัว น.ส.จุฑาภรณ์ ซึ่งล่าสุด นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ ได้วอนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงมาให้ความช่วยเหลือโดยให้ ดีเอสไอ เข้ามาดูแลคดี เนื่องจากว่า ผู้เกี่ยวข้องเป็นคนมีสีเกรงว่าจะได้รับความไม่เป็นธรรม อีกทั้งการดำเนินคดีล่าช้ามาก ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ส.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 65 บ้านโนนเจริญ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย และนายบัวกัน อุ่นอ่อน ผู้ใหญ่บ้านโนนเจริญ ซึ่งเป็นอาของ น.ส.จุฑาภรณ์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องได้พากันเดินทางไปที่บ้านเตว เมืองมน แขวงจำปาสัก ประเทศลาว เพื่อจะขออนุญาตทางการของลาวเข้าไปที่บริเวณผานางอิง ติดชายแดนไทย ซึ่งเป็นที่พบศพปริศนา ทำให้บรรดาญาติพี่น้องพากันสงสัยว่าจะเป็นศพของ น.ส.จุฑาภรณ์หรือไม่อย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ของลาวไม่อนุญาตให้เข้าไปบริเวณดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการยื่นเรื่องขออนุญาตเข้าไปบริเวณดังกล่าวอย่างเป็นทางการจากฝ่ายไทย
นายโชคชัย กล่าวต่อว่า ตนและคณะได้รับภาพจากชาวลาวคนหนึ่งที่เข้าไปพบศพที่ผานางอิง โดยเป็นภาพหัวกะโหลกมนุษย์วางอยู่กับพื้นและภาพลักษณะคล้ายกับกระโปรงผู้หญิงสีแดงกองอยู่ใกล้กัน พวกตนจึงได้เดินทางกลับเข้ามาในเขตแดนไทย จากนั้น จะได้ประสานงานกับทางการของไทยเพื่อขออนุญาตฝ่ายลาวอย่างเป็นทางการเข้าไปตรวจสอบศพที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งการที่ ผอ.อ้อย หายไปนานร่วม 2 เดือนแล้ว และอยู่ในป่าลึก ศพคงเหลือแต่กระดูกตามภาพที่ได้มาจากชาวลาว
ด้าน นางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 60 ปี แม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครที่เข้าไปพบศพที่บริเวณผานางอิง มีเพียงคำบอกเล่าของชาวลาวเท่านั้น แต่ว่าจากการที่ตรวจสอบข้อมูลแล้วทราบว่า จุดพบศพอยู่ใต้หน้าผา ศพเหลือเพียงโครงกระดูก ซึ่งตนมั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ว่า อาจจะเป็นศพของอ้อยลูกสาวของตน ดังนั้น จึงให้ญาติพี่น้องพากันเข้าไปขออนุญาตจากทางราชการของไทยเพื่อเข้าไปในเขตประเทศลาว เพื่อต้องการพิสูจน์ศพดังกล่าว ตนขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยให้การช่วยเหลือประสานงานกับฝ่ายลาวเพื่อที่บรรดาญาติพี่น้องจะได้เข้าไปในลาวเพื่อค้นป่าใต้หน้าผาหาศพที่บริเวณใต้หน้าผานางอิงของลาวในเร็วๆ นี้ด้วย
