ฝ่ายค้านรุมจวกงบกรมที่ดิน จัดซื้อเสาสัญญาณรังวัดส่อพิรุธ แฉราคาต่างถึงสองเท่า ผู้ขาดบริษัท CC จากจีนทุกปี ชี้ไม่โปร่งใสแน่นอน ขอให้ทุกคนติดตามเรื่องนี้

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 18 ก.ย. เข้าสู่การอภิปรายมาตรา 20 งบประมาณรายจ่ายกระทรวงมหาดไทย วงเงิน 268,501,313,800 บาท ปรับลดดเหลือ261,708,146,900 บาท โดยส.ส.ฝ่ายค้านยังรุมท้วงติงงบที่มีความไม่ชอบมาพากลอย่างต่อเนื่อง

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่ปรึกษากรรมาธิการ ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายถึงกรมที่ดิน เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ที่ดินว่า สมัยก่อนการออกโฉนดใช้การเดินรังวัด แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป จึงใช้สัญญาณดาวเทียมทำโฉนดที่ดิน กรมที่ดินก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่เริ่มใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเข้ามาดำเนินการ อนาคตเครื่องมือรังวัดสำรวจจะไม่ถูกใช้ แต่ใช้เครื่องมือวัดเหมือนจีพีเอส ซึ่งจำเป็นต้องมีเสาสัญญาณหรือตัวฐานรับสัญญาณจากดาวเทียม ทั้งนี้ กรมที่ดิน ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพรังวัดที่ดินด้วยระบบดาวเทียม ตั้งงบ 258 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย สถานีรังวัดฐานดาวเทียม

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า กรมที่ดินซื้อชุดรังวัดที่ดินตั้งแต่ปี 2559 จัดซื้อมาเรื่อยๆ ทุกปี โดยมีเพียงบริษัทที่ได้รับสัมปทานคือ บริษัท CC จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจีน ซึ่งตนได้ถามเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เหตุใดจึงใช้เครื่องของจีน ได้รับคำตอบว่า จีนเทคโนโลยีดีกว่าฝรั่ง ขณะที่กรมแผนที่ทหารใช้เครื่องไลก้าของสวิซเซอร์แลนด์ในราคาเดียวกับที่กรมที่ดินตั้งราคาไว้ เป็นเครื่องยุโรป แต่ไปซื้อเครื่องของจีน โดย 2 ตัวนี้ มีความต่างกันคือ รัศมีการดำเนินการโดยของยุโรป มีรัศมี 80 กิโลเมตร แต่ของจีนรัศมีไม่เกิน 50 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นความถี่ในการตั้งเสาสัญญาณ จะต้องถี่ขึ้นอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจะต้องใช้งบประมาณในการตั้งเสาสัญญาณเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังซักถามเจ้าหน้าที่ที่ดินว่าทำไมเราถึงใช้ระยะถี่ ไม่กำหนดระยะห่าง ทั้งที่ราคาที่จัดซื้อเป็นของยุโรป แต่ซื้อของจีน ซึ่งให้เหตุผลว่าของจีนดีกว่าของยุโรป

“ราคาซื้อเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมแบบเคลื่อนที่ (ROVER) ราคาในท้องตลาดหลายบริษัทราคาประมาณ 200,000 บาท แต่ว่ากรมที่ดินตั้งไว้ 496,700 บาท ราคาแตกต่างกันเกือบสองเท่า และในการประกวดราคาซื้อ บริษัทอื่นเสนอมาต่ำกว่าเท่าไรไม่มีใครผ่าน ถูกปัดตกด้วยเหตุผลเทคโนโลยีทั้งหมด บริษัท CC ตั้งราคา 227 ล้านบาท แต่บริษัทอื่นๆ 88-89 ล้านบาทแตกต่างกันกลับไม่ผ่านเกณฑ์ ดังนั้นอยากพิสูจน์เรื่องนี้ว่ากระบวนการนี้โปร่งใสหรือไม่ ราคาตั้งราคายุโรป แต่ใช้กลไกซ่อนเร้นตัดสิทธิ์บริษัทอื่นทั้งหมด ขอเรียกว่าไม่โปร่งใสแน่นอน ขอให้ทุกคนติดตามเรื่องนี้ และงบที่ตั้งไว้ 258 ล้านบาท ขอปรับลด 158 ล้านบาท เหลือ 100 ล้าน แต่หากยังยืนยันที่จะเอาไว้ ตรงนี้ก็จะเป็นมรดกบาปที่ติดตัวไปอนาคต เพราะเครื่องจีนจะถูกใช้วัดที่ดินของประชาชนทั้งประเทศ”นายวรรวัจน์กล่าว

ด้านนพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย งบสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่าโครงการจัดหาวิทยุสื่อสารข่ายบังคับบัญชากระทรวงมหาดไทย ที่มีการกำหนดแผนการดำเนินการการซื้อวิทยุสื่อสารหรือวอคกี้ทอคกี้ 76,236 เครื่อง วงเงิน 4,344 ล้านบาท ซึ่งคำนวนแล้วตกเครื่อง 56,980 บาท ซึ่งตนสงสัยตัวเลขนี้จึงไปสำรวจตลาดการซื้อขาย วอคกี้ทอคกี้ พบว่า ราคาแบบที่กระทรวงหมาดไทยจัดซื้อมาใช้ในส่วนราชการ ราคาปลีกแพงสุดขายอยู่ที่เครื่องละ 9,500 บาท ซึ่งนำไปเทียบกับราคาต่อเครื่องที่ขอมาในงบต่างกันกี่เท่า ขอให้ชาวบ้านไปลองคำนวนดูระหว่าง 9,500 บาท กับ 56,980 บาท ราคาแพงกว่าไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นกมธ. จึงต้องตอบคำถามว่าการซื้อดังกล่าวมีความจำเป็นหรือไม่ หรือมีทางเลือกอื่นหรือไม่ เช่น ใช้การสื่อสารผ่านทางแอพลิเคชั่นไลน์หรือสไกป์ ที่สำคัญราคาต่างกันหลายเท่าเหมาะสมหรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลที่ขอปรับลดงบ 5 เปอร์เซ็นต์

จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นด้วยตามที่กมธ.ฯ แก้ไข ด้วยคะแนน 262 ไม่เห็นด้วย 119 งดออกเสียง 7

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน