วันที่ 13 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา นายสุพัฒน์ พึ่งสว่าง อายุ 36 ปี อาชีพพ่อค้าขายของในตลาดย่านนาเกลือ ได้พานายอ๋อง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเนื่องจากกลัวว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า หลังหลานชาย คือ นายอ๋อง ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ขับรถจี๊ปลายพรางทหารสีเขียวติดสัญญาณไซเรน ไล่กวดพร้อมใช้ปืนบีบีกันอัดแก๊สกระสุนเหล็กยิงใส่หลายนัด จนลูกกระสุนถูกตามร่างกายของหลานชายถึง 52 นัด ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลตามลำตัวและต้นคอ
โดยนายอ๋อง ได้โชว์บาดแผลตามร่างกายให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเล่าว่า “เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ผมและกลุ่มเพื่อน 5-6 คน ได้ขับขี่จักรยานยนต์มาด้วยกัน 4 คัน กลับจากบ้านเพื่อน โดยใช้ถนนเส้นกระทิงลายมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองพัทยา จนกระทั่งมาถึงช่วงบริเวณเนินกำนัน ได้มีรถจี๊ปลายพรางทหารสีเขียว เปิดสัญญาณไซเรนไล่ตามท้ายมา โดยเห็นมีชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายทหารนั่งอยู่ในรถประมาณ 4-5 คน ก่อนที่หนึ่งในนั้นได้ชักอาวุธปืนบีบีกันอัดแก๊สออกมาข่มขู่ ด้วยความกลัวและตกใจ ผมกับเพื่อนจึงรีบพากันเร่งเครื่องหลบหนี รถคันดังกล่าวก็ขับไล่มาอย่างกระชั้นชิด พร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนจำนวนหลายนัด จนถูกตามร่างกายดังกล่าว
ซึ่งหลังเกิดเหตุนายนายสุพัฒน์ ผู้เป็นน้า ได้พาหลานชายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี และตรวจร่างกาย พร้อมลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน อย่างไรก็ตามตนเองได้ไตร่ตรองอย่างดีแล้ว จนเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุและรังแกประชาชน จึงอยากวอนให้มีการตรวจสอบไปยังหน่วยงานต้นสังกัดว่าผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการทหารจริงหรือไม่ อยากให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงถึงข้อเท็จจริงต่อไป
