ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้า คดีน้องชมพู่ สรุปเด็กไม่สามารถเดินขึ้นภูเขาเองได้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่สโมสรตำรวจ ก่อนการแถลงเนื้อหาความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า การแถลงครั้งนี้เป็นความคืบหน้าไม่ใช่การปิดคดี โดยมีรายละเอียดที่สามารถจะเปิดเผยได้ต่อประชาชน

จากข้อมูลพยานหลักฐาน คดีนี้เป็นการตั้งข้อหาว่าพรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และข้อหาซ่อนเร้นเคลื่อนย้ายทำลายและอำพรางศพ แต่ผู้กระทำผิดถึงขณะนี้เรายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับ หรือดำเนินคดีกับใครได้

แต่เดิมเคยวางแผนไว้ในการสืบสวนสอบสวน ถึงวันนี้ มีความจำเป็นที่ต้องทำเพิ่มเติมในบางส่วน ความคาดหวังเดิม 100 เปอร์เซ็นต์ทำเสร็จไปแล้ว แต่จำเป็นต้องทำเพิ่มเติม คดีมีอายุความ 20 ปี แม้ว่าตามระเบียบตำรวจ ถ้าดำเนินคดีใครไม่ได้ ผ่านใน 1 ปีต้องส่งสำนวนให้อัยการ แต่ถ้ามีหลักฐาน ที่จะเอาผิด ได้ จะมีอายุความถึง 20 ปี ยืนยันว่าดำเนินไปตามหลักกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

สรุปเชื่อว่า น้องชมพู่ ไม่ได้เดินขึ้นไปเองบนป่าภูเหล็กไฟ อาจจะถูกบางคนกระทำด้วยทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งจะมีข้อความผิดตามที่แจ้งไป

เมื่อถามถึงการที่ลุงพลตกเป็นผู้ต้องสงสัย เป็นจำเลยของสังคม พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะแจ้งใคร เราไม่สามารถบอกได้ว่าเราสงสัยใคร ไม่สงสัยใคร ที่ว่าเป็นจำเลยสังคมก็คงต้องไปถามคนที่มอบตำแหน่งนั้นให้ ทางตำรวจตอบไม่ได้

เมื่อถามว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ตอบเหมือนเดิม คือยังไม่ได้มีการตั้งข้อหาใคร คนที่ไม่มีข้อหาก็คือคนบริสุทธิ์

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ระบุว่า แม้หลักฐานยังไม่สามารถชี้ตัวคนผิดได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่หยุดสอบสวนในเรื่องดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่มีผู้ต้องสงสัยในใจแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากที่เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ ได้หายตัวไปจากบ้านพักวันที่ 11 พ.ค. ชาวบ้านได้ช่วยกันออกตามหา แต่ไม่พบ มารดาได้เข้าแจ้งความ และระดมออกค้นหาอย่างหนัก

จนวันที่ 14 พ.ค. เวลา 19.00 น. พบน้องชมพู่เป็นศพ ในสภาพนอนเปลือย บนเขาภูเหล็กไฟ โดยคดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชน จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนคดี

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สัมภาษณ์พยานบุคคลทั้งสิ้น 384 ปาก สอบปากคำเข้าสำนวนสอบสวน 120 ปาก สอบผู้เชี่ยวชาญ 13 ปาก เก็บวัตถุพยาน 113 ชิ้น เป็นพยานหลักฐานที่เกิดเหตุ 16 ชิ้น เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ 154 ตัวอย่าง สำนวนการสอบสวนหนา 918 หน้า

สรุปสำนวนชันสูตรยืนยันว่า เด็กไม่สามารถเดินขึ้นไปบนจุดพบศพด้วยตัวเอง

1.เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถ จากเส้นทางที่สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้จนถึงจุดพบศพมีจำนวนทั้งสิ้น 4 เส้นทาง จะมีอุปสรรคเป็นเนินหินชัน มีความชันมากกว่า 60 องศามาขวางกั้นอยู่ในทุกเส้นทาง เกินความสามารถของน้องชมพู่ เพราะน้องขมพู่ยังไม่สามารถขึ้นบันไดที่บ้านได้ ซึ่งบันไดที่บ้านนั้นมีความชันเพียง 45 องศา

2.พลังงานไม่เพียงพอ นักโภชนาการและนักวิทยาศาสตร์ด้านสุขภาพและการกีฬา มีความเห็นสอดคล้องกันว่า อาหารเช้ามื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานเข้าไป มีเพียงไข่เจียว 3 คำ และน้ำส้ม 1 ขวด ไม่สามารถให้พลังงานได้เพียงพอจะเดินขึ้นไปบริเวณจุดพบศพด้วยตัวเองได้

3.ชาวบ้านให้การสอดคล้องว่า เด็กไม่สามารถเดินขึ้นเองได้

4.มีการเทียบเคียงจากการหายตัวของชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านเมื่อเดือนส.ค. ชาวบ้านช่วยกันออกมาตามหาเจอได้ในคืนเดียว

5.แพทย์นิติเวชเดินไปถึงจุดพบศพ พบว่าเด็กไม่สามารถเดินขึ้นไปได้ กุมารแพทย์ให้ความเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นการเดินหลง เพราะหากเด็กเดินห่างจากบ้าน 200 เมตร ยังมองเห็นบ้านได้เพราะเป็นพื้นที่ราบ แต่ไม่สามารถเดินไปยังจุดพบศพได้เอง

6.สภาพศพ มีสภาพเปลือยกาย บิดา-มารดายืนยันว่าน้องชมพู่ ถอดเสื้อผ้าเองไม่ได้

7.พบเส้นผม 36 เส้นตกอยู่ข้างศพ พบว่าเกิดจากการตัด การเฉือนด้วยมีด เด็กไม่สามารถตัดเองได้

8.เด็กกลัวที่สูง ที่มืด ไม่เคยเล่นไกลบ้าน พ่อแม่ไม่เคยพาไปไกลบ้านเลย และไม่เคยพาขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ ทำให้เชื่อได้ว่าเด็กไม่สามารถเดินขึ้นไปเองได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน