จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Jakkarin Ringngoen โพสต์เรื่องเจ้าของสุนัขรายหนึ่ง ว่าจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง นำสุนัขพันธุ์ปอมเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ในตัวเมืองนครราชสีมา แต่สุนัขตัว ตายระหว่างทาง เจ้าของเรียกร้องค่าประกันกับบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง พร้อมกับที่โรงพยาบาลสัตว์ได้ผ่าพิสูจน์ซากสุนัขพบว่ามียาอยู่ภายในกระเพาะ สงสัยว่าสุนัขจะถูกวางยา ล่าสุดทางนายสัตวแพทย์จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธิ์กลาง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ด้านคณบดีแพทย์ศิริราช-อธิการฯม.มหิดล สั่งสอบน.ศ.แพทย์วางยาแล้ว รวมทั้งกลุ่มวอตช์ด๊อกไทยแลนด์กับบริษัทขนส่งขึ้นสน.สุทธิสารแจ้งความด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ก.ย. นางณัฐนันท์ หรือหญิง จีระวิวิธพร อายุ 39 ปี เจ้าของบริษัทขนส่งเอช.เอส.เค.เอ็กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าทราบชื่อคือนายภัทรพงศ์ ทรงทรัพย์กุล นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ติดต่อเข้ามาที่ร้านเพื่อใช้บริการนำสุนัขพันธุ์ปอม เพศผู้ สีน้ำตาล อายุ 7 เดือน ไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์หมอต้น เลขที่ 1143/47 ถนนสุรนารายณ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยให้ข้อมูลว่า จะนำไปฝากไว้ภายในสถานที่ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2 วัน เพื่อเซอร์ไพรส์แฟนสาวเนื่องจากอยากได้และชื่นชอบสุนัขพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก

โดยทางบริษัทได้แจ้งค่าบริการขนส่ง 6,500 บาท และลูกค้าขอทำประกันชีวิตเพิ่ม 4,000 บาท เนื่องจากซื้อมาในราคา 4 หมื่นบาท หากตายในระหว่างการเดินทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบตามจำนวนเงินทั้งหมด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา นัดแนะให้ทางบริษัทไปรับลูกค้าและสุนัขที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยลาดพร้าว 18 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ก่อนเดินทางไปพร้อมกันทั้งหมดภายในรถของบริษัท ซึ่งระหว่างการเดินทางน้องหมามีอาการอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ตนจึงนำกลูโคสผสมน้ำดื่มให้รับประทานเป็นระยะๆ เมื่อถึงที่หมายตนจึงเดินทางกลับทันทีเนื่องจากมีลูกค้ารออีกเป็นจำนวนมาก

นางณัฐนันท์ กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ขณะที่ตนใกล้ถึงกทม. นายภัทรพงศ์โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าสุนัขตายแล้ว ด้วยความเป็นกังวลใจ ตนจึงวนรถกลับไปที่โรงพยาบาลสัตว์หมอต้นอีกครั้ง เมื่อไปถึงลูกค้าจะให้ทางบริษัทเป็นผู้ชดใช้จำนวนเงิน 4 หมื่นบาท แต่ตนไม่ยินยอม เนื่องจากข้อตกลงในเงื่อนไขวงเงินประกัน หากสุนัขตายระหว่างขนส่งทางบริษัทจะเป็นผู้ชดใช้ให้ทั้งหมด จากนั้นลูกค้าจึงไปบอกกับทางโรงพยาบาลให้ช่วยชดใช้กับทางบริษัทฝ่ายละ 2 หมื่นบาท ซึ่งทางหมอต้นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขตาย จึงเยียวยาช่วยเหลือเป็นเงินสด 2 พันบาท และนำสุนัขไปเผาที่วัดให้เนื่องจากเป็นคนรักสัตว์มากเช่นกัน ก่อนตนจะเดินทางกลับกทม.ตามปกติ

นางณัฐนันท์ กล่าวอีกว่า เมื่อมาถึงบริษัทได้รับข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมานายภัทรพงศ์ติดต่อมายังบริษัทฟีนิกซ์ เอ็กซ์เพลส จำกัด ตั้งอยู่ย่านจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งเป็นของน้องชายตนเพื่อให้ส่งกระต่าย จำนวน 10 ตัว พร้อมทั้งขอทำประกันหากเกิดการตายระหว่างขนส่ง หากตัวใดตายทางบริษัทจะต้องชดใช้ในราคาตัวละ 5,000 บาท ซึ่งครั้งนั้นทางน้องชายได้ปฏิเสธไปทันที ก่อนจะเกิดเรื่องกับตนและมาทราบข่าวการตายของน้องหมาอีกตัว ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท จ.นครราชสีมา เป็นผู้ผ่าพิสูจน์จนพบความผิดปกติ เจอยาลดความดันของมนุษย์ในกระเพาะอาหาร

“เมื่อวานที่ผ่านมาตนพร้อมด้วยตัวแทนของกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยตนแจ้งความในข้อหาพยายามฉ้อโกง ส่วนทางวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ เป็นตัวแทนของรัฐซึ่งแจ้งในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เนื่องจากเป็นอาญาแผ่นดิน โดยมีรัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง” นางณัฐนันท์ กล่าว

ต่อมา พ.ต.ท.สืบพงศ์ กรุณา รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ภายหลังจากตัวแทนกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ และบริษัทขนส่งเอช.เอส.เค.เอ็กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนักศึกษาแพทย์มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจตนาว่าจ้างให้ขนส่งสุนัขเพื่อเอาเงินประกันภัย จากการตรวจสอบหลักฐานที่เป็นเอกสารการปลอมแปลงราคาซื้อสุนัขและหลักฐานการพูดคุยผ่านช่องทางแอพพลิเคชั่นไลน์ พบว่าเข้าข่ายการกระทำผิดในข้อหาพยายามฉ้อโกงอย่างชัดเจน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนสามารถออกหมายจับได้ในทันที

ส่วนจะเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากยังขาดหลักฐานสำคัญคือตัวยาที่ใช้ฆ่าสุนัขตัวแรก นอกจากนี้ จากข้อมูลของคนขับรถของบริษัทขนส่งสัตว์อีกแห่งที่ปรากฏเรื่องราวในโลกโซเชี่ยล ทราบเพียงว่าเห็นเจ้าของป้อนเม็ดยาให้กับสุนัข และพบเม็ดยาติดอยู่ที่ปลอกคอของสุนัข ทั้งนี้ต้องรอให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนถึงจะทราบว่าเป็นการจงใจทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ โดยในวันพรุ่งนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร จะออกหมายเรียกให้นักศึกษาแพทย์รายดังกล่าว มาเข้าพบเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งหากออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง ยังไม่เข้าพบกับทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน