ลุงเครียด พ้อเป็น สาวประเภทสอง ไร้คนเห็นค่า กรีดข้อมือ-ดิ่งตึกดับสลด

สลด ลุงเครียดหนัก ตัดพ้อเป็น สาวประเภทสอง ไร้คนเห็นคุณค่า กรีดข้อมือ-ดิ่งตึก 4 ชั้น จบชีวิตย่านทุ่งครุ ด้าน ตำรวจเร่งสอบเหตุจูงใจ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 ต.ค.2563 พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ ภาวะบุตร สารวัตร(สอบสวน) สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งเหตุมีผู้กระโดดจากที่สูงลงมาเสียชีวิต หน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ภัสพงษ์ บุตรไทย ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ, พ.ต.ท.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ รองผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นโรงงานไม่มีชื่อประกอบกิจการทำสำลีปั่นหู พบศพ นายแก้ว (นามสมมติ) อายุ 61 ปี กระโดดจากห้องพักบนดาดฟ้าชั้นที่ 4 ลงมาสภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขาสามส่วน ถุงเท้าสีขาว ใส่รองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำ มีบาดแผลแตกที่ศีรษะซีกขวากระแทกพื้น ที่ข้อมือซ้ายหักผิดรูปและมีรอยคล้ายถูกกรีดด้วยของมีคม ข้างศพพบมีดโกนสีเหลืองตกอยู่ 1 ด้าม จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.ภัสพงษ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนคนในละแวกดังกล่าว พบว่าปกติผู้ตายเป็นคนร่าเริง แจ่มใส มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน ประกอบกับเป็นคนรักสวยรักงามและไว้ผมยาว โดยก่อนหน้านี้ผู้ตายรู้จักกับเจ้าของโรงงานทำสำลีดังกล่าวเป็นการส่วนตัว จึงมาขอพักอยู่บนห้องพักชั้นดาดฟ้าได้สักระยะ

พ.ต.อ.ภัสพงษ์ กล่าวต่อว่า แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าผู้ตายทำอาชีพอะไร เนื่องจากจะออกจากห้องพักไปในช่วงเช้าและมานอนในช่วงค่ำ กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีพยานในโรงงานระบุว่า ผู้ตายเกิดความเครียดโดยไม่ทราบสาเหตุ เอ่ยปากเปรยให้ฟังทำนองว่าตัวเองเป็นสาวประเภทสอง ไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่าและอยากฆ่าตัวตาย แต่พยานก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนช่วงบ่ายเจ้าตัวก่อเหตุสลดดังกล่าว

พ.ต.อ.ภัสพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งติดตามญาติพี่น้องของผู้ตายมาให้การกับเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ส่วนศพนั้นจะมอบให้มูลนิธินำส่งทำการผ่าชันสูตรที่นิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนทำหนังสือให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป