เพิ่มโทษพระเอกดัง – วันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ723/2563 ที่ พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว เป็นโจทก์ฟ้อง นายคีรีรัก สมณะบารมี หรือ มิตร มิตรชัย พระเอกลิเกชื่อดัง น้องชายของ เอ ไชยา มิตรชัย เป็นจำเลยในฐานความผิดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175
คดีนี้เมื่อวันที่ 27 มี.ค.60 เวลากลางวัน ที่ศาลอาญา กรุงเทพมหานคร จำเลยได้นำความอันเป็นเท็จฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์ ได้กระทำความผิดอาญาฐาน รีดเอาทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 338 ฟ้องว่าโจทก์ข่มขืนใจให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมเงิน และ สัญญารับสภาพหนี้ 35,500,000บาท โดยที่จำเลยทราบดีว่าโจทก์มิได้กระทำความผิดแต่ทำการฟ้องต่อศาลเพื่อให้โจทก์ต้องได้รับโทษทางอาญา
ภายหลังศาลได้จำหน่ายคดีออกจากสาระบบความ เนื่องจากโจทก์ได้ถอนฟ้อง ต่อมาปรากฏตามคำพิพากษาศาลแขวงปทุมวัน เห็นว่า จำเลยทำสัญญาดังกล่าวโดยสมัครใจมิได้เกิดจากการข่มขู่หรือข่มขืนใจแต่อย่างใด การที่จำเลยได้ถอนฟ้องคดีอาญาฐานรีดเอาทรัพย์ มิได้ เกิดจากการจำเลยลุแก่โทษ เนื่องจากจำเลยยอมรับสภาพในความผิดฐานแจ้งความเท็จและถอนฟ้องในความผิดฐานรีดเอาทรัพย์จากจำนนในหลักฐานที่โจทก์มี
เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงเดียวกับคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ที่พิพากษาว่าจำเลยได้กระทำความผิด และสัญญาดังกล่าวที่จำเลยทำมิได้เกิดจากการข่มขืนใจหรือข่มขู่ การที่จำเลยถอนฟ้องในความผิดฐานรีดเอาทรัพย์จึงมิได้เกิดจากการลุแก่โทษของจำเลยจึงไม่เป็นเหตุที่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้หรือจะไม่ลงโทษเลยก็ได้และเพื่อประโยชน์ทางคดีของจำเลยเอง เพราะมิฉะนั้นจำเลยก็สามารถถูกฟ้องให้รับผิดในฐานเบิกความเท็จอีกกรรมหนึ่งได้
เนื่องจากจำเลยในคดีนี้เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีในคดีอาญาหมายเลขคดีแดงที่ อ.4727/2559 ของศาลจังหวัดธัญบุรี และ คดีแดงหมายเลข อ.118/2563 ของศาลแขวงปทุมวัน ที่มีคำพิพากษาให้จำคุก จึงขอให้ศาลนับโทษจำคุกในคดีนี้ต่อจากคดีอาญาดังกล่าวด้วย
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ลงโทษจำคุก 2 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา78 คงจำคุก 1 ปี ให้นับโทษต่อจากโทษคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.4727/2559 ของศาลจังหวัดธัญบุรีและคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 118/2563 ของศาลแขวงปทุมวัน
