รมว.ยุติธรรม เผย เรือนจำภูเก็ต แออัดหนัก หลังที่นอนผู้ต้องขังมีไม่ถึง 1 ตารางเมตรต่อคน สั่งราชทัณฑ์เร่งย้ายนักโทษไปคุกใหม่ภายในปีนี้
วันที่ 19 ต.ค.2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมราชทัณฑ์ถึงความแออัดในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ที่พบว่าพื้นที่นอนของผู้ต้องขังมีไม่ถึง 1 ตารางเมตร และขณะนี้เรือนจำจังหวัดภูเก็ตแห่งใหม่ ที่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือน ก.ค.2558 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเรือนจำบางโจ เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว จากกำหนดเดิมจะส่งมอบภายในสิ้นปีนี้ และย้ายผู้ต้องขังภายในเดือน ม.ค.2564 แต่ตนได้ขอให้เร่งดำเนินการ และย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำเดิมไปยังที่ใหม่ภายในเดือน ธ.ค.2563 เพื่อลดความแออัดภายในเรือนจำตามนโยบายที่ตนได้ให้ไว้
เกาะติดสถานการณ์ม็อบ กดติดตามไลน์ ข่าวสด
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เพราะเรือนจำจังหวัดภูเก็ตเดิม มีอายุการใช้งานกว่า 120 ปี มีความแออัดของผู้ต้องขัง ทั้งหญิงและชายที่มีมากกว่า 3 เท่าของความจุที่เรือนจำแห่งนี้สามารถรองรับได้ โดยขณะนี้เรือนจำจังหวัดภูเก็ตมีผู้ต้องขัง 2,853 คน แบ่งออกเป็นผู้ต้องขังหญิง 526 คน และชาย 2,327 คน ซึ่งที่เดิมนั้นรองรับได้ไม่ถึง 1,000 คน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ใหม่มีพื้นที่ภายในห้องคุมขังที่สะดวกสบายกว่าเรือนนอนในเรือนจำแห่งเดิม โดยจะมีห้องสำหรับนอน 180 ห้อง แต่ละห้องจะมีผู้ต้องขังอยู่ 25-30 คน ซึ่งจะมีขนาดแตกต่างกันออกไปตามโครงสร้างของตึก โดยมีการแยกตึกของผู้ต้องขังหญิงออกจากตึกของผู้ต้องขังชาย ส่วนพื้นที่เรือนจำเดิมนั้น ตนได้ขอให้ทางเรือนจำภูเก็ตบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดความเหมาะสม ทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
“ตอนนี้เรือนจำภูเก็ตแออัดมาก ซึ่งที่ใหม่ใกล้จะเสร็จแล้วเหลือเพียงทดสอบระบบ ซึ่งระยะเวลา 1-2 เดือน น่าจะสมบูรณ์ ผมจึงอยากให้ย้ายผู้ต้องขังให้เรียบร้อยภายในปีนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความแออัด” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ถึงการตรวจหาสารเสพติดในเส้นผม ซึ่งตนแนะนำว่าควรนำเครื่องมือการตรวจไปใช้ร่วมกับการทำงานของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เวลาลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิง เพื่อเป็นการยับยั้งผู้เสพ ซึ่งในขณะนี้การตรวจใช้เวลาเพียง 50 นาทีเท่านั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า และตนกำลังคิดถึงเรื่องการเตรียมพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังที่พ้นโทษ โดยอยากให้มีการฝึกอาชีพให้ผู้ต้องขังออกมามีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งจะเป็นการคืนคนดีสู่สังคม ไม่ให้พวกเขาเหล่านั้นกลับไปทำความผิดอีก
