บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงขอถอยคนละก้าว จ่อเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมแถลงออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยถึงสถานการณ์การชุมนุม โดยมีใจความว่า “ถอยคนละก้าว เข้าสภา ใช้สติและปัญญา แก้ปัญหาร่วมกัน”

วันนี้ ผมมาพูดกับทุกท่าน เป็นช่วงเวลาที่ผมหวังว่าในอนาคต เมื่อเรามองย้อนกลับมาที่ช่วงเวลานี้ เราจะสามารถพูดได้ว่า นี่คือช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง สละความรู้สึกส่วนตัว และความต้องการส่วนตัวบางอย่างเพื่ออนาคตที่ดีของประเทศ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

หน้าที่ของผม ในฐานะผู้นำประเทศ คือผมต้องดูแลทุกคนในประเทศไทย ผมต้องพยายามรักษาสมดุล ระหว่างมุมมองความคิด และความต้องการต่างๆ ที่แตกต่างกันในสังคม และบางอย่างก็แตกต่างกันเป็นอย่างมาก นั่นเพื่อที่จะทำให้คนไทยทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ประเทศเดียวกัน และอยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินเดียวกันได้ แผ่นดินของพวกเราทุกคนที่ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นไปทางไหน ผมเชื่อว่าทุกคนรักผืนแผ่นดินนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

อีกหน้าที่ของผมในฐานะผู้นำประเทศ ผมต้องทำให้แน่ใจว่าบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของแต่ละคน ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า และผมต้องปกป้องประเทศจากพลังมืดที่ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม ไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยของเรา ผมต้องทำให้แน่ใจว่าประเทศไทยยังคงมีความยุติธรรมในสังคม มีความเท่าเทียมกันของคนไทยทุกคน ที่อยู่ร่วมกันภายใต้กฎหมายเดียวกัน

ทุกสิ่งที่ผมทำ ผมคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศเสมอ คนส่วนใหญ่ที่นิ่งเงียบ ที่กำลังพยายามทำมาหากินอย่างหนัก หาเลี้ยงปากท้องของตัวเองและครอบครัว ผมต้องบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่ได้ละเลยที่จะดูแลประชาชนคนอื่นๆ ของประเทศด้วย

ผมต้องบริหารประเทศบนพื้นฐานหลักการตามกฎหมาย และตามแนวทางและการตัดสินใจจากรัฐสภา ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนไทย นั่นคือระบบรัฐสภาที่เราต้องเคารพ

เราไม่สามารถบริหารประเทศตามเสียงประท้วงหรือความต้องการของผู้ประท้วงกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่มประท้วงได้ แม้ผมจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ผมได้ยินเสียงความต้องการของผู้ประท้วงก็ตาม

วงจรที่เราเคยเห็นกันมาตลอดว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ก็จะต้องเจอกับม็อบอีกฝ่ายเสมอ และในที่สุดการบริหารประเทศก็ทำไม่ได้ และประเทศก็ไหลลงไปสู่ทางที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายและหายนะ

พวกเราทุกคนต้องช่วยกันทำลายวงจรนี้ พวกเราต้องร่วมทำด้วยกัน

ในเวลานี้ เราต้องถอยกันคนละก้าว เพื่อออกห่างจากทางที่จะนำไปสู่ปากเหว เส้นทางที่จะพาประเทศไทยของเราค่อยๆ ตกลงไปสู่หายนะ และสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมจะเริ่มเกิดขึ้นมากขึ้นๆ การใช้อารมณ์ความรู้สึกนำก็จะยิ่งสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่ร้อนมากยิ่งขึ้น และการใช้ความรุนแรงจะยิ่งนำมาซึ่งความรุนแรงที่มากกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้สอนเรามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งตอนจบของทุกครั้งก็คือความเสียหายที่ทิ้งไว้กับประเทศ

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนไทยเป็นคนไทยก็คือสถาบันต่างๆ ในสังคมไทย ที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและคุณค่าของความเป็นไทยมายาวนานหลายร้อยปี ถ้าหากเราทำลายมรดกที่มีค่าจากบรรพบุรุษ เราก็จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเป็นคนไทย และเป็นประเทศที่พิเศษประเทศหนึ่งของโลก

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่มีใครอยากเห็นว่าเกิดขึ้นในประเทศไทย เราได้เห็นการกระทำที่น่าหดหู่ใจอย่างมากที่เกิดขึ้นกับตำรวจ มีการทุบตีทำร้ายตำรวจด้วยคีมเหล็กขนาดใหญ่ และพฤติกรรมรุนแรงอีกหลายอย่างต่อเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งใจทำร้ายคนไทยด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้น แม้เราจะเห็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีเจตนาร้าย และปฏิบัติตัวไม่ดีอย่างรุนแรง แต่เวลาเดียวกันเราก็เห็นว่ายังมีคนอีกมากมายที่แม้ว่าจะกำลังทำผิดกฎหมาย แต่ก็ปฏิบัติตนด้วยความสงบ มีเจตนาดีที่ต้องการขอความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และมีความจริงใจที่อยากจะเห็นประเทศดีขึ้น เรามองเห็นคนกลุ่มนี้ด้วย

เราจะไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการด้วยการใช้คีมเหล็กขนาดใหญ่ตีใส่กัน หรือด้วยการทำลายเศรษฐกิจการหาเลี้ยงปากท้องของคนไทยด้วยกัน หรือด้วยการโจมตีสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของคนไทย

ขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการด้วยการขอคืนพื้นที่ ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงด้วยเช่นเดียวกัน รัฐบาลพยายามผ่อนปรน หลีกเลี่ยง มีการประกาศให้ทราบก่อนทุกครั้ง ตามมาตรฐานสากล

เราจะทำให้เกิดสังคมแบบที่เราต้องการได้ด้วยการพูดคุยกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน พร้อมรับฟังและเข้าใจกัน และพร้อมที่จะประนีประนอม

วิธีเดียวที่เราจะได้ทางออกของปัญหาที่จะยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทั้งสำหรับประชาชนที่ออกมาอยู่บนท้องถนน และสำหรับประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ได้ออกมา คือการพูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน ผ่านระบบ และกระบวนการของรัฐสภา ผมรู้ว่าเส้นทางนี้อาจจะต้องใช้เวลาและอาจจะไม่รวดเร็วทันใจ แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ซึ่งเราต้องแสดงความใจเย็น และความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของเราทุกคนออกมา กล้าที่จะเดินในเส้นทางสายกลาง

หากผู้ประท้วงคิดว่าจะทำให้สิ่งที่ต้องการเกิดขึ้นได้โดยการออกมาบนท้องถนน พวกเขาอาจจะชนะ และสามารถก้าวข้ามหัวรัฐสภาได้สำเร็จ หรือพวกเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการก็เป็นไปได้ ตัวอย่างมีให้เราเห็นมาแล้วว่าเกิดขึ้นได้ทั้งสองทางจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

หรือฝ่ายรัฐ ถ้าหวังว่าปัญหาต่างๆ จะหายไปได้ด้วยการใช้ไม้แข็งเพียงอย่างเดียว รัฐอาจจะประสบความสำเร็จตามนั้น หรืออาจจะไม่สำเร็จก็ได้ เกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง ประวัติศาสตร์มีตัวอย่างให้เราเห็นมาแล้วเช่นเดียวกัน

มีวิธีเดียวที่เราจะก้าวผ่านปัญหาไปได้อย่างยั่งยืน แน่นอนว่าต้องเกิดขึ้นจากการพูดคุยกัน จากการเคารพกระบวนการของกฎหมาย และจากการมองเห็นความต้องการของประชาชนที่แสดงออกมา ผ่านทางกระบวนการรัฐสภา นี่คือวิธีการเดียว

ผู้ประท้วงได้แสดงความคิดของเขาแล้ว เสียงและความคิดของพวกเขาถูกได้ยินโดยทุกฝ่ายและทุกคนเป็นที่เรียบร้อย

ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะนำความคิด และความต้องการของผู้ประท้วง มาพิจารณาร่วมกับความต้องการของประชาชนส่วนอื่นๆ ในสังคมไทย หาเส้นทางที่เหมาะสมและเห็นชอบร่วมกันส่วนใหญ่ ผ่านกระบวนการในระบบรัฐสภา ซึ่งถือเป็นตัวแทนของประชาชน โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเปิดประชุมวิสามัญ และได้ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาแล้ว คาดว่าจะเปิดประชุมสภาได้ประมาณวันจันทร์ที่ 26 และวันอังคารที่ 27 ตุลาคมที่จะถึงนี้

ในฐานะผู้นำประเทศที่ต้องรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพที่ดีของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประท้วง หรือจะเป็นประชาชนที่นิ่งเงียบ ไม่ว่าเค้าจะมีความคิดความรู้สึกแบบไหนก็ตาม วันนี้ผมจะเป็นคนที่เริ่มก้าวแรก เพื่อที่จะลดอุณหภูมิความรุนแรง

ผมกำลังเตรียมที่จะยกเลิกพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ ยกเว้นหากมีสถานการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

และเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเวลาเดียวกันผมก็ขอให้ผู้ประท้วงแสดงความจริงใจในเจตนาดีของท่านที่มีต่อประเทศดังที่ท่านพูด โดยการเคารพกฎหมาย เคารพระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ขอให้ท่านแสดงความคิดความต้องการผ่านผู้แทนราษฎรของท่าน ซึ่งมีขั้นตอน กำหนดเวลา ไปตามลำดับ

ผมขอพวกท่านด้วยความจริงใจของผม เมื่อผมยอมก้าวไปในแนวทางนี้ ผมก็ขอให้พวกท่านก้าวไปในแนวทางเดียวกันด้วย และลดระดับเสียงของการสาดถ้อยคำที่สร้างความแตกแยกและเกลียดชังในสังคม สร้างความเจ็บปวดให้กับคนในสังคม ผมขอให้ทุกคนร่วมใจกันทำให้เมฆดำที่กำลังเคลื่อนมาปกคลุมประเทศไทยของเราให้หายไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เร่งด่วน นั่นคือการช่วยกันบรรเทาปัญหาปากท้อง ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากต้องเดือดร้อน จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโควิดทั่วโลก

และในเวลาเดียวกัน ภารกิจที่ต้องเริ่มทำคู่ขนานกันไปก็คือ เราต้องนำเอาประเด็นต่างๆ ที่ถูกพูดถึงว่าควรได้รับการแก้ไข เพื่อผลดีในระยะยาวของประเทศ มาเริ่มพูดคุยกัน

เราต้องรักษาบาดแผลให้ทุเลาลง ก่อนที่มันจะบาดลึกมากไปกว่านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน