พ่อค้าลอตเตอรี่สุรินทร์ร้องดีเอสไอ ถูกหลอกระดมทุนซื้อหวยรัฐบาลค่า 400 ล้าน ยี่ปั้วรายใหญ่เชิดเงินหนี ตามยึดทรัพย์แต่ได้ทองคำเก๊ เร่งล่าตัวอีก 2

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 พ.ย. ที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ชั้น 2 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอานนท์ เชื้อสัตตบงกช ทนายความพร้อม นายสามิตร สิ่วสงวน และนางจิรนันท์ สิ่วสงวน และผู้เสียหายจากการถูกหลอกลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือลอตเตอรี่ นำเอกสารหลักฐานการลงทุนซื้อขายลอตเตอรี่มาร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ดีเอสไอติดตามทรัพย์ ให้ผู้เสียจำนวนกว่า 100 คน มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท พร้อมขอให้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษด้วย

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายสามิตร กล่าวว่า ตนและพวกถูกผู้ต้องหา ซึ่งเป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ดเข้ามาตีสนิท และชักชวนให้ร่วมทุนด้วยการนำเงินไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำหน่าย และหากขายได้ทั้งหมดก็จะแบ่งเงินให้กับผู้ร่วมลงทุน ตนเห็นว่ามีคนรู้จักร่วมทุนกับผู้ต้องหารายนี้มานานกว่า 2 ปี และมีรายได้จริง จึงตัดสินใจลงทุนกับผู้ต้องหาเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และยังซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับผู้ต้องหาไปขายให้กับกลุ่มเครือญาติในราคาต้นทุนฉบับละ 80 บาท หรือราคากล่องละ 35,000-45,000 บาท

โดยในช่วง 4-5 งวดแรก ได้รับเงินจริง ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ต.ค. และ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ฝากซื้อลอตเตอรี่ โดยลงทุนไปอีกรวมเป็นเงินจำนวน 25 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่สามารถจัดหาลอตเตอรี่มาให้ได้ ทั้งๆ ที่รับเงินไปแล้ว และไม่สามารถติดต่อได้อีก ตนและผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความที่สภ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ขณะเดียวกันตนก็ถูกผู้เสียหายที่ฝากซื้อลอตเตอรี่แจ้งจับในข้อหาฉ้อโกงด้วยเช่นเดียวกัน

ด้าน นายอานนท์ กล่าวว่า หลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนบุรี ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 8 ราย เหลืออีก 2 ราย คือ นายทศพรและนายยุทธนา ที่ยังตามจับตัวไม่ได้ ทั้งๆที่ทั้ง 2 คนยังอยู่ในพื้นที่ ไม่ได้หลบหนีไปไหน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตามยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาได้ เป็นเงินสด พร้อมสร้อยคอทองคำจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อนำไปตรวจสอบพบว่าเป็นทองเก๊ จึงรู้สึกไม่สบายใจและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ต้องหามีอิทธิพล อีกทั้งยังได้ทรัพย์สินที่หลอกลวงประชาชนไปเป็นจำนวนมาก ตนจึงต้องร้องขอให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยทำคดี และรับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ

พ.ต.อ.อัครพล กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาและตั้งเรื่องเป็นเลขสืบสวนคดี โดยจะส่งพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายจำนวนมากและมีวงเงินสูง การหลอกลวงประชาชนในร่วมลงทุนในช่วงที่มีการแพ่รระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นการซ้ำเติมทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน