เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 25 ก.ย. ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ พันธ์สวรรค์ ร้อยเวร สภ.ตาดโตน อ.เมืองสกลนคร ได้รับแจ้งจาก ศูนย์ 191 ตาดโตน พบเหตุพระผู้ใหญ่ถูกฆาตกรรมมรณภาพ ในวัดสุมังคลาราม บ้านพังขว้างกลาง ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร จึงพร้อมด้วย ชุดกู้ชีพพังขว้างและ แพทย์ รพ.สกลนคร ร่วมชันสูตรพลิกศพ พบหลวงปู่บู่ กิตฺติญาโณ อายุ 90 ปี มรณภาพบริเวณเตียง ในสภาพนั่งพิงพนักขอบโต๊ะ เลือดนองพื้น ในกุฏิ ตรวจสอบโดยละเอียดพบที่กลางศีรษะ ถูกทุบด้วยของแข็งจนยุบ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนพระในวัดเบื้องต้นทราบว่า ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 น. หลวงปู่บู่ ที่มีอายุมากแล้ว จะให้ลูกศิษย์ในวัดมารับบาตรเพื่อนำไปตั้งไว้ที่ศาลาภายในวัด รวมกับพระอื่น เพื่อให้ญาติโยมที่มาทำบุญใส่บาตร เป็นประจำทุกวัน แต่เมื่อเช้าวันเกิดเหตุ เมื่อพระลูกวัดพร้อมโยมที่ดูแลในวัดเดินไปที่กุฏิเพื่อจะนำบาตรมาที่ศาลา พบว่าหลวงปู่บู่ นั่งพิงพนักเตียง จึงเดินเข้าไปดู พบว่าที่ศีรษะมีเลือดไหลหยด คล้ายถูกทำร้าย จึงบอกโยมที่กำลังมาใส่บาตร และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ พบว่าหลวงปู่บู่มรณภาพแล้ว

จากการตรวจสอบโดยละเอียดที่บริเวณด้านหลังกุฏิ พบค้อนปอนด์ขนาด 2 ปอนด์ เปื้อนเลือด ตกอยู่ 1 อัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนทรัพย์สินและของใช้หลวงปู่บู่ และของมีค่าในวัดยังอยู่ปกติ คาดว่าคนร้ายที่มาทำร้ายหลวงปู่ น่าจะเคยมาพบหลวงปู่และมาขอเงินหรือวัตถุมงคลของดี แต่หลวงปู่บอกว่าไม่มี จึงทำร้ายด้วยค้อนขนาด 2 ปอนด์ที่เตรียมมา ช่วงระหว่างก่อเหตุคนร้ายเกรงว่าจะมีผู้มาพบจึงหลบหนีไปก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายต๋อม ที่เคยเข้าออกวัดเป็นประจำมาสอบสวน เนื่องจากมีผู้พบว่าครั้งสุดท้ายนายต๋อมอยู่กับหลวงปู่บู่ แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ ประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งไปที่เรื่องชิงทรัพย์ เนื่องจากหลวงปู่บู่มักจะพกพระเครื่องหรือเงินที่มีโยมมาฝากให้ถือไว้เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะมาขอรับคืน เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเคยมาขอเงิน แต่หลวงปู่บอกว่าไม่ใช่เงินของท่าน และเคยให้ไปครั้งละร้อยสองร้อย ซึ่งครั้งนี้กลุ่มคนร้ายอาจไม่พอใจที่ขอเงินแล้วหลวงปู่บอกไม่มี จึงใช้ค้อนที่เตรียมมาทุบเข้ากลางศีรษะจนมรณภาพ จากนั้นนำศพไปพิงไว้ที่ขอบเตียงเพื่ออำพราง

ประวัติหลวงปู่บู่ ตามข้อมูลที่คนเฒ่าคนแก่ ได้เล่าให้ฟังในเรื่องประวัติของหลวงปู่บู่ได้บอกว่า เป็นคนสัญชาติลาวมาแต่กำเนิดได้มาอาศัยในแผ่นดินไทยเมื่อไหร่นั้นไม่ปรากฏชัดเจน การอ่านเขียนหนังสือนั้นไม่ค่อยเก่ง เพราะท่านมุ่งปฏิบัติดูจิตอย่างเดียว มีแต่คนเฒ่าคนแก่มีอายุ 70-80 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเคยเห็นท่านเมื่อตอนหนุ่มๆ เป็นอยู่อย่างไรทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนี้ ไม่เห็นท่านแก่เลย ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ทุกวันนี้หน้าตาท่านสดใส มีประกายรัศมีเปล่งปลั่ง เมื่อมองดูใบหน้าก็บ่งบอกถึงผู้มีคุณธรรมสูงในจิต ที่รักษากายไม่ให้แก่

การออกบวชของหลวงปู่นั้น ทราบจากพระครูสุวรรณสิริชัย เจ้าคณะพังขว้าง เล่าว่า ท่านออกบวช 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกไม่ทราบ ครั้งที่ 2 บวชเมื่อปี พ.ศ. 2524 ถ้าจะไปถามเอาข้อมูลประวัติจากท่านไม่ได้อะไร มีคนไปถามอายุหลวงปู่ ว่าหลวงปู่อายุกี่ปีแล้ว บวชมากี่พรรษาแล้ว ท่านก็จะตอบเท่าไหร่ตามแต่ท่านจะตอบหรือไม่สนใจตอบไปเลยก็มี ก็เลยไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดเพราะหลวงปู่ท่านไม่ยึดติดกับอายุที่เป็นเพียงสมมติตัวเลข ท่านอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ดูๆไปท่านเหมือนหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน แห่งเมืองศรีสะเกษที่ไม่ทราบอายุเท่าไหร่กันแน่ ทุกวันนี้ท่านยังออกรับบิณฑบาตโยมทุกวันตามปกติ สุขภาพร่างกายแข็งแรงเดินจงกรมได้สะดวก และหลวงปู่ไม่คอยอาบน้ำ(สรง)เลย แต่แปลกที่ผิวพรรณของท่านยังเปล่งปลั่งอยู่เลย แสดงให้เห็นธรรมในจิตที่มีแต่ปิติสุข รักษากายไม่ให้แก่ ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป ชาวบ้านเล่าว่าเวลาท่านจะอาบน้ำ(สรง) ก็ต่อเมื่อฝนตกลงมาเท่านั้น เมื่อใดฝนตกท่านจะเดินอาบน้ำจากธรรมชาติคนเดียวของท่านอย่างไม่สนใจใคร อีกอย่างหนึ่งโดยปกติหลวงปู่ท่านไม่ค่อยพูด อยู่เฉยๆ ที่กุฏิไม่ยุ่งวุ่นวายกับใครๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉะนั้นประวัติหรืออายุของหลวงปู่บู่ จึงไม่ทราบชัดได้ ชาวบ้านบางคนก็ว่า 80 ปีบ้าง 90 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง ก็เลยไม่รู้จะเชื่อใครดี แม้ไปถามหลวงปู่ท่านก็ไม่บอก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน