พสกนิกรหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมศพในหลวงร.9 ท่ามกลางฝนตกทั้งวัน ยอดสักการะวานนี้ 7.8 หมื่นคนในวันเดียว สำนักพระราชวังเปิดให้เข้ากราบอีก 2 วันสุดท้าย

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. จนถึงวันที่ 5 ต.ค. เวลา 24.00 น. ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 2 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีพสกนิกรต่างพร้อมใจเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศอย่างไม่ขาดสายในทุกช่วงของเวลา ท่ามกลางสภาพอากาศที่ท้องฟ้ามึดครึ้มและสายฝนโปรยปรายตลอดทั้งวัน โดยเจ้าหน้าเปิดจุดคัดกรองเพียง 2 จุด ได้แก่ จุดคัดกรองโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีประชาชนเข้าแถวยาวไปตลอดเส้นถนนราชดำเนินใน ล้นไปถนนราชดำเนินกลาง ขณะที่จุดคัดกรองด้านวงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มีแถวประชาชนต่อคิวยาวตลอดเส้นถนนสนามไชย ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางรอคอยมีจิตอาสาคอยให้บริการน้ำดื่มและเก็บขยะ แจกจ่ายอาหารให้แก่ประชาชน พร้อมรถสุขาเคลื่อนที่คอยให้บริการ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดช่วงเวลาเจ้าหน้าที่ได้จัดแถวให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ผ่านทางประตูวิเศษไชยศรี ถ.หน้าพระลาน ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของพระบรมมหาราชวัง และเข้าไปยังประตูพิมานไชยศรี ซึ่งเป็นประตูชั้นใน ก่อนเลี้ยวขวาผ่านพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขณะที่สำนักพระราชวังได้ปิดการเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามสำหรับนักท่องเที่ยวและประชาชน ก่อนจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 30 ต.ค.นี้

นางนวลอนงค์ ผกาแก้วและครอบครัว

วันเดียวกันนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 00.01 น. จนถึงเวลา 24.00 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 78,948 คน รวม 334 วัน มี 12,443,890 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,465,677.50 บาท รวม 334 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 870,377,871.51 บาท

นางนวลอนงค์ ผกาแก้ว อายุ 52 ปี ประชาชนจาก จ.ชลบุรี เดินทางมาพร้อมครอบครัวและญาติพี่น้องกว่า 10 คนด้วยรถตู้ ตั้งแต่เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ก่อนจะมาถึงสนามหลวงในเวลาตี 2 และเข้ากราบในเวลา 9 โมงเช้า เปิดเผยว่า มากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 3 ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ โดยพาลูกชายวัย 12 ปี มาด้วยทุกครั้ง แม้ว่าจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันในหลวง ร.9 เสด็จฯ ไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือราษฏรชาวไทย แต่ก็บอกลูกเสมอในสิ่งที่พระองค์ทำ อยากให้ลูกได้รับรู้ว่าเราโชคดีขนาดไหนที่ได้เกิดมาใต้ร่มโพธิ์ของพระองค์ท่าน และภูมิใจที่ได้เกิดในรัชกาลที่ 9

น.ส.อลิสา ศิริวิบูลย์

“เมื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศะบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตื้นตันใจมาก ไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้กราบใกล้ชิดขนาดนี้ ยิ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขยายวันให้ประชาชนได้เข้ากราบถึงวันที่ 5 ต.ค. ก็ยิ่งดีใจ เพราะยังมีคนอีกมากที่อยากเข้ามากราบพระองค์ ในหลวง ร.9 ทรงเป็นพระราชาที่ทำเพื่อปวงชนชาวไทยมาตลอดพระชนม์ชีพ ทรงทำให้เราดูเป็นแบบอย่างให้เห็น อยากให้คนไทยน้อมนำไปในชีวิต ส่วนตัวประทับใจในเรื่องของความพอเพียง ดำเนินรอยตาม หากเรามีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น ไม่ทะเยอทะยาน แต่มีความพยายาม” นางนวลอนงค์ กล่าว

น.ส.อลิสา ศิริวิบูลย์ อาชีพลูกจ้างบริษัท อายุ 62 ปี ออกเดินทางมาจากบ้านพักย่านดินแดง กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาตั้งแต่ 06.00 น. เพื่อต่อแถวรอคิว เพราะคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาสนามหลวงจำนวนมาก ทั้งนี้ ตนได้เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 8 แล้ว ทุกครั้งที่มารู้สึกปลื้มใจทุกครั้งที่ได้ก้มกราบหน้าพระบรมโกศอันงดงามเหลืองสง่า

“ในวันนี้อยากจะมาอยู่ใกล้ชิดพระองค์ท่านในห้วงสุดท้ายก่อนที่ปวงชนชาวไทยจะร่วมส่งในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่สวรรคาลัย ส่วนตัวได้ยึดแนวพระราชดำริในด้านความพอเพียง แม้ตนจะอายุมากแล้วแต่ก็นำมาใช้อย่างเห็นผล ทุกวันนี้ตนใช้เตือนใจในการใช้เงินจับจ่ายใช้สอยจนมีเงินเหลือเก็บ มาถึงวันนี้ก็รู้สึกใจหายมากเพราะใกล้ช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 แม้ท่านสวรรคตไปแล้ว ก็ระลึกถึงท่านทุกครั้งยามตื่นเสมอ และท้ายสุดอยากให้คนไทยทุกคนรักและสามัคคีกันให้มาก ทำตามฟังคำพ่อสอนเพราะทุกคำสอนของท่านใช้ได้และเห็นผลจริง” น.ส.อลิสา กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน