ผู้ว่า ททท. เอาจริง บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร้อง รองผบ.ตร. สอบทุจริต เราเที่ยวด้วยกัน หลังพบโรงแรม-ร้านค้า 512 ราย แฉรูปแบบธุรกรรม

วันที่ 16 ธ.ค.2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีพบความผิดปกติของธุรกรรมทางการเงินในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ต่อ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.ตรวจพบธุรกรรมที่ต้องสงสัยมีแนวโน้มไปในทางฉ้อโกงหลายรูปแบบ ซึ่งมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นโรงแรม ร้านค้า และประชาชนที่ร่วมขบวนการ พบว่ามีโรงแรมที่เข้าข่ายพฤติกรรมต้องสงสัยประมาณ 312 ราย ร้านค้า 202 ราย ส่วนผู้ที่ใช้สิทธิตามโครงการก็ยังคงสามารถเข้าพักหรือใช้สิทธิต่าง ๆ ตามเงื่อนไขได้เช่นเดิม

ผู้ว่าฯ ททท. เอาจริง ร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติสอบทุจริต เราเที่ยวด้วยกัน

ผู้ว่าฯ ททท. เอาจริง ร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติสอบทุจริต เราเที่ยวด้วยกัน

นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า การยื่นหนังสือเพื่อดำเนินคดีการทุจริตครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการกระทำผิดในส่วนของการขยายจำนวนและเวลาการใช้สิทธิของโครงการนี้ในเฟส 2 ต่อไป สำหรับวิธีการทุจริตในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ในการวิเคราะห์ข้อมูลการทำธุรกรรมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีกรณีการกระทำที่เข้าข่ายทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งมีทั้งในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรม และร้านค้าที่รับชำระผ่านคูปองใช้จ่าย

ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวอีกว่า โดยรูปแบบการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้น ได้แก่ 1.การเข้าเช็กอินในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้มีการเข้าพักจริง ซึ่งจะได้ประโยชน์ในการใช้สิทธิคูปองใช้จ่ายวันธรรมดา 900 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 600 บาท 2.โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพัก โดยร่วมมือกับร้านอาหาร หรือร้านค้าที่รับชำระคูปอง ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการซื้อขายสิทธิการใช้ห้องพัก แต่ไม่ได้เกิดการเดินทางจริง

“ซึ่งสาเหตุที่ก่อให้สามารถกระทำลักษณะดังกล่าวได้ เป็นเพราะที่ผ่านมา มีการปลดล็อกเงื่อนไข ให้สามารถใช้สิทธิเดินทางท่องเที่ยวได้ในภูมิลำเนาของตนเอง โดยเป็นการกระทำในแบบผู้ได้สิทธิร่วมมือกับโรงแรม ส่งเลขบัตรประชาชน 4 หลักสุดท้าย และเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งสามารถใช้รับรหัส OTP ยืนยัน ถือเป็นการโอนสิทธิได้” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า 3.จองแล้วยังไม่ได้เช็คอิน และยังไม่ชำระเงิน 4.มีการใช้ส่วนต่างของคูปองเพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวนกรณีร้านค้าเพิ่มราคาอาหารไปมากกว่ามูลค่าอาหาร 5.มีการเข้าพักจริง แต่เข้าพักแบบเป็นกรุ๊ปเหมา โดยตั้งราคาห้องพักในระดับสูง และสามารถรับเงินส่วนต่างที่ตกลงกันไว้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างโรงแรมและผู้เข้าพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรณีที่จองตรงกับโรงแรม

ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวต่อว่า และ 6.โรงแรมที่เปิดขายห้องพักเกินจำนวนจริงที่มี อาทิ มีห้องพักจริง 100 ห้อง แต่เปิดขาย 300 ห้อง ซึ่งจำนวนห้องที่เกินมาจะนำไปขายต่อให้กับโรงแรมอื่น เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง ธุรกรรมที่ต้องสงสัยมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นโรงแรม และร้านค้า จากข้อมูลที่มีพบว่า มีโรงแรมที่เข้าข่ายพฤติกรรมต้องสงสัยประมาณ 312 ราย และร้านค้า 202 ราย

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ประชาชนให้ความสนใจ ทางกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบว่า มีการเข้าข่ายกระทำความผิดในการฉ้อโกง พบว่ามีหลายโรงแรม และหลายร้านค้าที่เข้าข่ายความผิด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการให้กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยเฉพาะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน