เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมการผลิตเหรียญที่ระลึกงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ทองคำ, เงิน, ทองแดง ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยเบื้องต้นกำหนดราคาเหรียญที่ระลึกสูงสุดเหรียญละ 50,000 บาท และราคาต่ำสุดเหรียญละ 100 บาท เพื่อให้ประชาชนได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษารูปแบบและระยะเวลาการเปิดให้ประชาชนได้จองและรับแลก ก่อนจะเสนอให้ครม. และสำนักพระราชวังพิจารณา โดยปกติกระบวนการผลิตจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี เนื่องจากต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบที่จะนำใช้เป็นภาพหน้าเหรียญ

สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบการสำรวจเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่กรมฯผลิตไว้ จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันยังมีเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเหลืออยู่ประมาณ 24 แบบ คิดเป็น 3-4 ล้านเหรียญ โดยประชาชนสามารถเข้ามาแลกได้ เช่น เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม, เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ หรือเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระบิดาแห่งการอนุรักษ์มรดกไทย เป็นต้น

ขณะที่ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปีนั้น ที่มีทั้ง 3 แบบ ทั้งเหรียญกษาปณ์ทองคำขัดเงา ชนิดราคา 16,000 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 30,000 บาท ผลิตเพียง 10,000 เหรียญ, เหรียญกษาปณ์เงินขัดเงา ชนิดราคา 800 บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ 1,600 บาท ผลิตเพียง 50,000 เหรียญ และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา 50 บาท ที่จ่ายแลกราคาเหรียญละ 50 บาท ที่ผลิตเพียง 3 ล้านเหรียญ กรมธนารักษ์ได้จำหน่ายกระจายไปสู่ประชาชนหมดแล้ว

“เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก รัชกาลที่ 9 ที่ยังมีเหลืออยู่ 24 แบบ ยังมีจำนวนที่เพียงพอรองรับต่อความต้องการของประชาชนได้ โดยกรมธนารักษ์สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์แลกเหรียญทุกแห่งเตรียมพร้อมให้บริการประชาชนที่มีความต้องการแกเหรียญเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้ว”

นายจักรกฤศฎิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ พบว่าประชาชนจำนวนมากเริ่มสะสมเหรียญที่ระลึก โดยมีประชาชนเดินทางมาจ่ายแลกเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 17 ต.ค. รวมถึงเก็บเหรียญกษาปณ์ที่ใช้จ่ายหมุนเวียนไว้เป็นที่ระลึกบ้างแล้ว โดยกรมฯเตรียมแผนการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน หากประชาชนนำเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนในปัจจุบันไปเก็บสะสม และไม่นำออกมาหมุนเวียนอีก กรมฯก็จะผลิตเหรียญกษาปณ์ออกมาให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายและสภาพคล่องในปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายไว้จะผลิตไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ จากเป้าหมายในปีงบประมาณ 2560 ที่ 800 ล้านเหรียญ โดยในปีงบประมาณ 2559 ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์ไปแล้ว 1,400 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนหน้าเหรียญกษาปณ์ใหม่นั้น คงต้องรอกระบวนการและความชัดเจน โดยธนารักษ์เตรียมพร้อมการดำเนินงานไว้แล้ว ซึ่งยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากหลายส่วนร่วมด้วย เบื้องต้นตามหลักการดำเนินงาน จะต้องรอให้มีการโปรดเกล้าในการผลิตเหรียญกษาปณ์แบบใหม่ก่อน ถึงจะเริ่มดำเนินการได้ ส่วนเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนในปัจจุบันยังใช้ควบคู่กันไป โดยจะไม่มีการเรียกคืน แต่จะให้มีการใช้เหรียญกษาปณ์จนหมดอายุ ก่อนนำมาหลอมทำลาย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน