ตัวแทนนายกรัฐมนตรี และ “พุทธิพงษ์” รมว.ดีอีเอส ส่งทีมยื่นแจ้งความ เอาผิด “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” คดีอาญา มาตรา 112 และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

วันที่ 20 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มอบหมายให้ นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ยื่นแจ้งความที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ชั้น 4 ศูนย์ราชการ อาคาร B

การแจ้งความครั้งนี้ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ฐานความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี” และด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ปี 2560 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กถึงปัญหาการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล ตั้งคำถามว่า ทำไมประเทศไทยไม่ได้รับการจัดซื้อวัคซีน ที่มีการครอบคลุมจำนวนประชากรที่เหมาะสม และทำไมประเทศไทยถึงยังไม่มีการเริ่มฉีดวัคซีน

นายธนาธร กล่าวอีกว่า คำถามคือทำไมขณะที่หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่ทำไมเรายังไม่มีการฉีดวัคซีนในประเทศไทย คำตอบคือรัฐบาลประมาท ไม่ได้เร่งจัดหาเจรจาเพื่อซื้อวัคซีนสำหรับคนไทยทุกคนตั้งแต่เนิ่น ๆ ที่สำคัญคือการเจรจาเพื่อจัดซื้อวัคซีนน้อยเกินไป และอยู่ในมือของเจ้าเดียวคือ บริษัทแอสตราเซเนกา รัฐบาลยังนิ่งนอนใจ ไม่มีการเจรจาใด ๆ เพิ่ม จนถึงต้นเดือน ม.ค. 2564 ก่อนมีการประกาศเพิ่มว่า จะจัดซื้อกับบริษัทซิโนแวค จากประเทศจีน อีก 2 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรเพียง 1 ล้านคนเท่านั้น

นายธนาธร กล่าวต่อว่า เมื่อรู้สึกตัวก็สาย จะไปเจรจากับเจ้าอื่น กำลังการผลิตวัคซีนของบริษัทยาขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้ก็ถูกจับจองไปหมดแล้ว รัฐบาลเอาปัญหาเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด มาผนวกกับปัญหาความนิยมของรัฐบาล อยากจะใช้การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด สร้างความนิยมให้กับตัวเองเกินไป จนละเลยถึงการคิดหาทางออกที่เหมาะสม ที่ดีที่สุดให้กับประเทศ และการจัดโครงสร้างแบบนี้ ทำให้ตั้งคำถามว่า รัฐบาลพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับการฝากอนาคตวัคซีน อนาคตของประเทศไทยไว้กับบริษัทเดียวหรือไม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน