แฉขบวนการทุจริต เราเที่ยวด้วยกัน ตร.พบ ใช้โซเชียลเป็นสื่อสอนชาวบ้านทั่วประเทศร่วมโกง ส่วนยอดความเสียหายพุ่งแตะ 1.7 พันล้าน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

จากกรณีกองบังคับการปราบปราม เข้าจับกุมโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ซึ่งมีพฤติกรรมทุจริตเงินของรัฐในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” โดยปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 55 จุดที่จ.ชัยภูมิ และ จ.ภูเก็ต จับกุมผู้กระทำผิดกว่า 50 ราย พร้อมเตรียมขยายผลเอาผิดไปยังผู้ร่วมขบวนการจำนวนมาก ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 30 ม.ค.2564 ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนกำลังเร่งสรุปผลการสอบสวน ก่อนจะเสนอให้ตัวแทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ เพื่อเป็นตัวกลางในการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้ตำรวจภูธรแต่ละภาครับเรื่องไปทำคดีต่อ เนื่องจากการทุจริตดังกล่าวเกิดขึ้นหลายพื้นที่ เป็นพันๆ คดี จึงต้องให้ตำรวจในพื้นที่รับเรื่องไปดำเนินการต่อ

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สาเหตุที่ทำให้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” มีผู้ร่วมกระทำผิดจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากขบวนการทุจริตดังกล่าว นำสื่อสังคมออนไลน์มาใช้เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อกับประชาชนทั่วไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เริ่มจากการโพสต์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบวิธีการโกง การสวมสิทธิ์ที่ศึกษามาจากกลโกงโครงการ “คนละครึ่ง” โดยจะอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่การเปิดซิมโทรศัพท์ สมัครแอพพลิเคชั่นถุงเงิน การส่งสำเนาบัตรประชาชน และค่าตอบแทนที่จะได้รับ

จากนั้นจะแนะนำให้ผู้สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มลับ ที่เปิดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นช่องทางในการซื้อขายสิทธิ์ โดยมีผู้ต้องหาทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมสิทธิ์ เปรียบเหมือนพ่อค้าคนกลาง เป็นตัวการสำคัญในการรับซื้อสิทธิ์จากประชาชนในราคา 500 บาทต่อคน ก่อนนำไปขายต่อให้ผู้ประกอบการโรงแรม ตั้งแต่ราคา 800-1,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการโกงเงินโครงการดังกล่าวจากรัฐต่ออีกทอดหนึ่ง

สำหรับมูลค่าความเสียหายของรัฐจากขบวนการดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้น ตอนนี้ เฉพาะเคส โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีผู้ร่วมกระทำผิดกว่า 9,000 คน ความเสียหายประมาณ 1.7 พันล้านบาท และคาดว่ายอดความเสียหายจะยังเพิ่มสูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัว เนื่องจากพบว่ายังมีโรงแรมอีกแห่งในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เข้าข่ายกระทำผิดลักษณะเดียวกัน และมีผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกกว่า 1 หมื่นคน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมขออำนาจศาลเข้าไปดำเนินการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน