ศาลมีนบุรี ยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ เสก โลโซ ยื่นฎีกาสู้คดีอาวุธปืน-ต่อสู้จนท. ระบุเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย รับโทษจำคุก 2 ปี 18 เดือน ไม่รอลงอาญา

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.64 ศาลอาญามีนบุรี นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายเสกสรร หรือเสกโลโซ ศุขพิมาย จำเลย โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ซึ่งมีทะเบียนพร้อมกระสุนปืนและต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนและเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาให้ลงโทษ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี

จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีกและจำเลยเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ลงโทษบวกโทษและนับโทษต่อจำเลย ให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้ใบอนุญาต ส่วนความผิดอื่นในการปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยที่โจทก์ขอให้บวกโทษและนับโทษต่อ

ศาลอาญามีนบุรีพิพากษาลงโทษจำเลยโดยจำเลยรับสารภาพ ฐานมีอาวุธปืน ซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาตลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุก 5 เดือนฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 เดือนฐานต่อสู้ขัดขว้างเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืนจำคุก 1 ปี 5 เดือนรวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน บวกโทษจำคุกที่รอการไว้ในคดีของศาลอาญาเข้ากับโทษในคดีนี้เป็นจำคุก 2 ปี 21 เดือนและนับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 5 เดือนลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือนบวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาของศาลอาญาเป็นจำคุก 2ปี 18 เดือนยกคำขอให้นับโทษต่อนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218วรรคหนึ่ง แต่คู่ความสามารถฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้หากผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์

เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 เมื่อจำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษา ซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาศาลอาญามีนบุรีดำเนินการส่งสำนวนให้ผู้พิพากษา ซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษา เพื่อพิจารณาอนุญาตให้จำเลยฎีกาแล้วปรากฏว่า ผู้พิพากษาทั้งหมดพิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอาญามีนบุรี จึงอ่านคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาให้จำเลยฟังและมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยสำหรับคดีนี้ข้อหามีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและข้อต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืนจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ส่วนข้อหายาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550มาตรา 18 วรรคหนึ่งบัญญัติให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะการกระทำซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้เป็นที่สุด แต่คู่ความอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ฎีกาต่อไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 19 ได้ซึ่งศาลอาญามีนบุรีได้ดำเนินการส่งคำร้องพร้อมฎีกาให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไปสำหรับจำเลยศาลอาญามีนบุรีอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน