กรณีคนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนเด็กหญิงวัย 7 ขวบภายในบ้านพักที่ ต.สินเจริญ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี โดยอาศัยจังหวะที่พ่อของเด็กออกไปกรีดยางนอกบ้าน และปล่อยให้เด็กผู้เสียหายนอนอยู่บ้านเพียงลำพัง กระทั่งเมื่อพ่อของเด็กเสร็จงานแล้วก็จะกลับเข้ามาที่บ้าน จนมาพบสิ่งผิดปกติ เพราะได้ยินเสียงเด็กร้องของความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปในบ้านได้ เนื่องจากประตูถูกล็อคจากด้านใน และได้ยินเสียงคนวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้าน ส่วนในบ้านพบบุตรสาวนอนสลบแน่นิ่งในสภาพเปลือย จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพระแสง ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ต่อมาตร.ผลตรวจเทียบเคียงดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยทั้ง 13 ราย ปรากฏว่าผลตรวจน้ำอสุจิที่เก็บได้ในช่องคลอดของเด็กผู้ตายไปตรงกันกับดีเอ็นเอของนายชัยนรินทร์ หรือหนึ่ง กลิ่นกลอย อายุ 27 ปี ชาวบ้านซึ่งพักอาศัยอยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
อ่านข่าว จับแล้ว! ที่แท้หนุ่มข้างบ้านฆ่าขืนใจดญ.7ขวบ หลังผลดีเอ็นเอมัด เพิ่งพ้นโทษคดีข่มขืน
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 21 ต.ค. พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทางชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และสภ.พระแสงได้สอบปากคำนายชัยนริทร์ หรือหนึ่ง หรือเภา กลิ่นกลอย อายุ 27 ปี ชาวจ.สุราษฎร์ธานี เพิ่มเติม หลังจากผลดีเอ็นเอที่เก็บได้จากคราบอสุจิในช่องคลอด และเล็บของเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ตรงกับนายชัยนริทร์ ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยที่ได้ถูกควบคุมตัวฝากขังเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีไปก่อนแล้ว หลังจากตรวจพบว่ามีการเสพกัญชา น้ำกระท่อม และยาบ้า พร้อมค้านการประกันตัว
โดยตลอดทั้งคืนการสอบปากคำนายชัยนรินทร์ไร้แววการรับสารภาพ ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น แม้ว่าผลดีเอ็นเอ จะออกมาตรงก็ตาม ซึ่งจากประวัติพบว่าในคดีที่ผ่านมาที่เพิ่งพ้นโทษ นายหนึ่งก็ให้ปฏิเสธ แม้จะถูกต้องโทษในเรือนจำมาแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ จะได้ยื่นคำร้องนำตัวนายชัยนริทร์ ฝากขังศาลจังหวัดเวียงสระผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน และเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ทำสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดเวียงสระต่อไป โดยไม่มีการทำแผน แม้ว่าชาวจ.สุราษฎร์ธานีจะเรียกร้อง และรอการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่จากพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล และผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดและดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา ประวัติการก่อคดีบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาลและชิงทรัพย์ของนายชัยนริทร์ เคยให้การปฏิเสธจนถูกจำคุก 10 ปี และล่าสุดต้องคดีเสพยาเสพติดอยู่จึงนำตัวฝากขังที่เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีพร้อมคัดค้านการประกันตัว
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และสภ.พระแสง สอบสวนพบว่า ก่อนนี้นายชัยนริทร์ เคยไปบ้านเช่าที่เกิดเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากมีเพื่อนที่รู้จักบิดาผู้เสียชีวิตจึงทราบว่า ช่วงกลางดึกบิดาผู้เสียชีวิตจะออกไปกรีดยางทุกวันและจะอยู่ลำพังคนเดียว จนวันเกิดเหตุช่วงบ่ายวันนายชัยนริทร์ได้ตามหาขอดูเรตเอ็กซ์ ในโทรศัพท์มือถือของกลุ่มเพื่อนในหมู่บ้านและกลางดึกก่อนก่อเหตุนายชัยนริทร์ได้ต้มน้ำกะท่อมดื่ม จนถึงเวลาประมาณ 02.00 น.จึงแยกตัวออกไปคนเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่บ้านของเด็กหญิง 7 ขวบ ซึ่งมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพตามประเพณี ปรากฏว่าในแต่ละวันมีญาติพี่น้องและชาวบ้านจำนวนมาก หมุนเวียนกันมาช่วยงานศพและช่วยเหลือครอบครัวเป็นจำนวนมาก
