เมื่อเวลา 08.05 น. วันที่ 20 ต.ค. ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้ามาได้ถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันที่ 6 โดยมีประชาชนพร้อมด้วยคณะต่างๆ สวมชุดไว้ทุกข์แห่แหนกันมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จัดให้ประชาชนเข้ามาภายในศาลาสหทัยสมาคม รอบละประมาณ 70 คน ขณะที่บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคมสำนักพระราชวังได้กางเต็นท์ เพื่อให้ประชาชนมีที่หลบแดดและฝน นอกจากนี้ ยังมีลูกเสือและเนตรนารีอาสาสมัครมาร่วมดูแลผู้สูงอายุด้วย
น.ส.พนารินทร์ มุ่งมาตร อายุ 34 ปี ชาวจ.ศรีสะเกษ ครูโรงเรียนไชยฉิมพลีวิทยาคม กรุงเทพฯ ที่สวมชุดไทยเรือนต้นมาถวายสักการะพระบรมศพ เปิดเผยว่า เดินทางมาเกือบทุกวัน ตั้งแต่วันนี้เคลื่อนพระบรมศพ หากถามถึงเหตุผลคงตอบไม่ได้ เพราะเป็นความรู้สึกที่มาจากใจ ที่อยากจะมาจริงๆ นอกจากตนแล้วก็จะเห็นได้จากคนไทยที่มาอยู่บริเวณสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ที่ทุกคนต่างมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักกัน สำหรับการสวมชุดไทยมา เป็นความตั้งใจที่อยากแต่งกายให้เรียบร้อยและสุภาพที่สุด เพื่อมาถวายสักการะในครั้งนี้
น.ส.พนารินทร์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวชื่นชมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะความเพียรที่พระองค์ทรงทำสิ่งต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ยิ่งดูพระราชกรณียกิจย้อนไปก็ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยตนเองในฐานะที่ทำหน้าที่ครู น้อมนำเรื่องความเพียรมาใช้ในชีวิตประจำวัน หากเราทำสิ่งใดด้วยตัวเอง ก็จะทำให้เรารู้ในสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้จริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิชาไกด์ เอกภาษาญี่ปุ่น กว่า 30 คน เดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ และลงนามถวายอาลัยในสมุดหลวงด้วย
นายทะคุ คะตะยะมะ อายุ 20 ปี นักศึกษาชาวญี่ปุ่น คณะสังคมศาสตร์ เปิดเผยว่า แม้ว่าเราจะเป็นคนต่างชาติแต่เข้ารับรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย โดยคนญี่ปุ่นได้ติดตามข่าวต่างๆ ของพระองค์ผ่านทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์มาโดยตลอด ตั้งแต่ที่พระองค์ทรงงาน กระทั่งพระองค์สวรรคต พระราชพิธีที่ประเทศไทยได้จัดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นงานพระราชพิธีโบราณ ที่ไม่ได้เห็นได้ง่ายๆ เพราะหากกษัติย์ของประเทศญี่ปุ่นสวรรคตก็ไม่มีพระราชพิธีแบบนี้ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งสำคัญของประวัติศาตร์
ขณะที่นางชอบ ชัยสิทธิ์ อายุ 79 ปี ชาวอ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ที่เดินทางมาพร้อมลูกหลาน เปิดเผยว่า ตอนที่รู้ข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต น้ำตาก็ไหลโดยทันที วันนี้จึงตั้งใจมา ที่ศาลาสหทัยสมาคม ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อให้ได้มาก้มกราบและลงนามสมุดหลวงเพื่อถวายความอาลัย โดยเดินทางมาถึงเวลา 8 โมงเช้า แต่มีประชาชนเข้ามาถวายสักการะจำนวนมาก จึงเข้ามาถวายสักการะเมื่อตอน 10 โมง แม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อยเพราะอายุมากแล้ว แต่ก็ตื้นตันใจ ที่เห็นคนไทยมาร่วมกันในวาระสำคัญแบบนี้
“ที่บ้านเก็บพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้มากมาย เคยได้รับเสด็จพระองค์ขณะประทับที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จำได้ว่ารู้สึกดีใจมาก พระองค์ทรงทำทุกอย่างไว้อย่างดีเพื่อคนไทย ส่วนตัวได้เดินตามรอยพระองค์ด้วยการปลูกผัก ปลูกข้าว เลี้ยงปลา แบบพอกินพอใช้ มีเหลือก็นำไปจำหน่าย เป็นแนวทางของเศษฐกิจพอเพียง” นางชอบ กล่าว
