โฆษก ตร. ชี้แจง นายไชย์พลฯ มีหมายจับ ไม่จับถือว่าเข้าข่ายผิด ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ชี้ เข้ามอบตัว หรือการจับกุมตัว ไม่มีผลในทางกฎหมาย

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 พ.ค. พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 จับกุมตัวนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ต่อมาสื่อมวลชนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ หรือรับมอบตัว นั้น

วันที่ 3 มิ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 เข้าแสดงหมายจับ และจับกุมตัวนายไชย์พล ได้บริเวณโถงชั้นล่างอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จากนั้นควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและลงบันทึกประจำวัน ก่อนส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร ยืนยันว่ากรณีนายไชย์พล เป็นการจับกุมตัวตามหมาย ไม่ใช่การรับมอบตัวแต่อย่างใด

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า การที่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว หรือการจับกุมตัว ไม่ได้มีผลในทางกฎหมาย เนื่องจากผู้ต้องหาถูกออกหมายจับ จะมอบตัวหรือจับกุมตัวก็ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาและมีสภาพเป็นผู้ต้องหาอยู่แล้ว แต่การมอบตัว ฝ่ายผู้ต้องหาหรือผู้เกี่ยวข้อง อาจยกขึ้นเป็นเหตุผลในการขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเหตุผลในเรื่องการไม่มีพฤติกรรมหลบหนี

แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน หรือของศาลแล้วแต่กรณี อย่างไรก็ตาม ตำรวจที่จับกุมนายไชย์พล มีอำนาจและหน้าที่ในการจับกุมตามหมายอยู่แล้ว หากพบเห็นนายไชย์พล ปรากฏตัวต่อหน้าแล้วไม่ดำเนินการจับกุม อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน