คนร้ายโหด ฉุน พนักงาน บังคับจ่ายค่าเบียร์แตก บุกกระหน่ำยิงเสียชีวิตคาเคาน์เตอร์ ก่อนขับกระบะหลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัวมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 02.50 น. วันที่ 24 มิ.ย.2564 ร.ต.ท.จักรกฤช สุวรรณวงศ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อเสียชีวิต ภายในร้านสะดวกซื้อใกล้ปากซอยลาดพร้าว 25 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ รอง ผบก.น.2, เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.), แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุภายในร้านสะดวกซื้อ บริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ พบผู้เสียชีวิตชื่อ นายรัฐวิทย์ สันติคุปตพง อายุ 32 ปี พนักงานประจำร้าน สภาพศพนอนหงาย สวมชุดยูนิฟอร์มร้าน นุ่งกางเกงสีดำ ตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน บริเวณด้านหลังทะลุหน้าอก 3 นัด นอกจากนี้ ที่พื้นพบปลอกกระสุนขนาด .38 มม. ตกอยู่หลายปลอก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกเก็บรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงประมาณเวลา 22.30 น.ของวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีวัยรุ่นชายเข้ามาภายในร้าน ซื้อเบียร์ 1 แพ็ก จำนวน 3 ขวด แต่ได้ทำขวดเบียร์ตกแตกกระจายพื้น โดยไม่ยินยอมจ่ายค่าเบียร์ที่ตกแตกเสียหาย ทำให้ผู้เสียชีวิตที่เป็นพนักงานไม่พอใจ จนเกิดเรื่องทะเลาะและมีปากเสียงกันกับวัยรุ่นชายดังกล่าว ก่อนจะมีพนักงานคนอื่นที่อยู่ภายในร้านออกมาช่วยพูดจาตกลงกัน โดยชายดังกล่าวยอมจ่ายชำระเฉพาะค่าสินค้าที่ซื้อ แต่ไม่ชำระค่าเบียร์ที่แตก
หลังจากนั้น ประมาณเกือบเที่ยงคืน ชายคนดังกล่าวได้ย้อนกลับมาที่ร้านอีกครั้ง พร้อมกับอาวุธปืน เมื่อเข้ามาถึงก็ถามหาผู้เสียชีวิต ก่อนจะชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่ผู้เสียชีวิตจนล้มลงพื้น จากนั้นชายดังกล่าวได้เดินเข้ามาเหยียบที่บริเวณหน้าอก เพื่อดูให้แน่ใจว่าผู้เสียชีวิตตายจริง ก่อนจะเดินออกจากร้านหลบหนีไป
ด้านพยานที่พบเห็นคนร้ายให้การว่า ตนทำงานอยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ภายหลังได้ยินเสียงปืน ตนพบเห็นคนร้ายเดินถือปืนออกมาจากภายในร้าน ก่อนหลบหนีโดยใช้พาหนะ เป็นรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ไม่ทราบทะเบียนหลบหนีไป ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุมีลักษณะรูปร่างท้วม สูง สวมเสื้อคลุมสีเทา กางเกงขายาวสีเข้ม เปิดเผยใบหน้าชัดเจน ใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสอบปากคำพนักงานภายในร้าน รวมทั้งพยานแวดล้อมต่าง ๆ และทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป