กรมควบคุมมลพิษ ห่วงรัศมี 2 ก.ม. พบ 2 สารเกินค่ามาตรฐาน ขอฝนอย่าตก-ผวาสารปนเปื้อน ลงใต้ดิน ท่อระบายน้ำ พร้อมเฝ้าระวังต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ เพื่อติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารอันตรายในพื้นที่ที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียงจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ย่านกิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศในบริเวณใกล้เคียง โดยใช้หน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ ติดตั้ง ณ บริเวณเขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 5 ก.ค. เป็นต้นมาพบค่าสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ดังนี้ 1.ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือพีเอ็ม 10 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 10 – 24 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) 2.ค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 วัดค่าได้ 5 – 16 มคก./ลบ.ม. 3.คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) วัดค่าได้ระหว่าง 0.01 – 0.09 ส่วนในล้านส่วน (ppm) 4.ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) วัดค่าได้ระหว่าง 2 – 14 ส่วนในพันล้านส่วน (ppb) 5.ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) วัดค่าได้ระหว่าง 0 – 2 ppb และ6.โอโซน (O3) วัดได้ระหว่าง 3 – 11 ppb

ส่วนผลค่าตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายรวม (Total VOCS) ด้วยเครื่องมือแบบเคลื่อนที่ (Portable) พบว่า 1.บริเวณในรั้วโรงงาน มีค่า 7 ppm 2.บริเวณด้านหน้าโรงงานห่างออกมา 5 เมตร มีค่า 0.5 ppm และ 3.บริเวณห่างรั้วโรงงานออกไป 50 เมตร มีค่า 0.1 ppm

อีกทั้ง สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติของกรมควบคุมมลพิษ 5 สถานี ได้แก่ 1.ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง 2.ต.บางโปรง อ.เมือง 3.ต.ตลาด อ.พระประแดง 4.ต.ปากน้ำ อ.เมือง และ 5.ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง ผลการตรวจวัด พบว่า คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานครพื้นที่ใกล้เคียง อยู่ในเกณฑ์ดีมาก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานสารเคมีที่เกิดขึ้น

ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ 6 ชนิด สรุปได้ดังนี้ 1.ฝุ่นพีเอ็ม 10 วัดค่าได้ 12 – 35 มคก./ลบ.ม. 2.ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 วัดค่าได้ 6 – 22 มคก./ลบ.ม. 3.คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) เฉลี่ย 8 ชั่วโมง ตรวจวัดได้ในช่วง 7 – 18 ppb 4.ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เฉลี่ย 8 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 0 – 0.54 ppm 5.ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) เฉลี่ย 1 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 8 – 11 ppb และ 6.โอโซน (SO2) เฉลี่ย 1 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 1 – 4 ppb

วันเดียวกัน คพ.จะติดตั้งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่เพิ่มเติมที่โรงเรียนกิ่งแก้ว พร้อมทั้งนำเครื่องตรวจวัดฝุ่นละออง PM2.5 แบบอัตโนมัติสำหรับตรวจวัดภายนอกอาคาร (Outdoor) ไปติดตั้งเพิ่มเติมตามชุมชนหรือหมู่บ้านที่มีความเสี่ยง 2 ถึง 3 จุด เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองและผลกระทบที่ชุมชนจะได้รับจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และแอปพลิเคชัน Air4Thai

นายอรรถพล กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือในการตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารอันตรายในพื้นที่ที่เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัดและพื้นที่รอบนอก โดยในรัศมี 1 กิโลเมตรแรกจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งสารเคมีที่ต้องระวัง คือ โซเว้นท์ ที่ติดไฟได้ง่าย และสารสไตรีนโมโนเมอร์ ใช้เป็นองค์ประกอบทำเม็ดพลาสติก เมื่อเกิดลุกไหม้ไฟจะปลดปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

อธิบดีคพ. กล่าวอีกว่า จากการตรวจคุณภาพอากาศในพื้นที่พบว่ากลับสู่สภาวะปกติ กำลังพิจารณาเรื่องลดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมายังที่อยู่อาศัยได้ และคพ. จะต้องเฝ้าติดตามด้านมลพิษอย่างต่อเนื่อง 3 วัน ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ หากมีกรณีฝนตกลงมา อาจจะชะสารเคมีลงใต้ดิน แหล่งน้ำ หรือท่อระบายน้ำ ซึ่งจะยากต่อการควบคุม ซึ่งอาจต้องเข้าไปบำบัดเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

“เวลานี้หากมองด้วยตาเปล่า พื้นที่รัศมี 2 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุถือว่า มีอากาศใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดเหตุมากแล้ว ที่ยังน่าเป็นห่วงคือ ยังพบว่า สารสไตรีน และฟอร์มาดิไฮด์ ในรัศมี 2 กิโลเมตร ยังสูงเกินค่ามาตรฐานอยู่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ถือว่าอากาศเป็นใจท้องฟ้าโปร่ง อากาศน่าจะกลับสู่สภาพปกติในเร็วๆนี้ แต่ขออย่าให้ฝนตก เพราะหากฝนตกการจัดการต่างๆจะยากมากขึ้น เพราะฝนจะชะสารพิษที่ตกค้างลงสู่แหล่งน้ำและพื้นดินได้ แต่วางใจอย่างคือ ชาวบ้านในบริเวณนี้ไม่ได้บริโภคน้ำฝน ส่วนใหญ่จะใช้น้ำประปามากกว่า”อธิบดี คพ. กล่าว

เมื่อถามว่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น คพ.ต้องเข้าไปประเมินค่าเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้าของโรงงานด้วยหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า คพ.ต้องเข้าไปประเมินผลความเสียหายที่เกิดขึ้นทางด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อให้ ดิน น้ำ อากาศ สิ่งแวดล้อมในพื้นที่เสียหายไปเท่าใด คิดเป็นมูลค่าเท่าใด ซึ่งมีหลักเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้อยู่แล้ว ตอนนี้ยังบอกตัวเลขไม่ได้ว่าเท่าใด แต่ประเมินแล้วน่าจะสูงพอสมควร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน