ผบช.น.รับจุดปะทะดินแดง พบบุคคลไม่ทราบฝ่ายใช้กระสุนจริง แต่ไม่ใช่ตำรวจ แถลงแจงคนเจ็บ 3 ราย ควบคุมตัวผู้ต้องหา13 คน เป็นเยาวชน 5 คน

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)​ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษกบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกตร. และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ทางการเมือง เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเคลื่อนที่ไปยังทำเนียบรัฐบาล ก่อนกลับมาที่สามเหลี่ยมดินแดงและมีเหตุปะทะ รวมทั้งป้อมจราจรได้รับความเสียหาย 4 แห่ง คือในพื้นที่ สน.นางเลิ้ง สน.พหลโยธิน สน.สุทธิสาร และสน.ห้วยขวาง ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 13 คน เป็นเยาวชน 5 คน

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบริเวณสน.ดินแดง มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 คน คนแรกอายุ 14 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธไม่ทราบชนิดที่ไหล่ขวา สอบถามเบื้องต้นให้การว่าไปร่วมชุมนุมหน้าสน.ดินแดง และถูกยิงโดยไม่ทราบผู้ก่อเหตุ แล้วได้หลบหนีมาหาเพื่อน ซึ่งพักอยู่แฟลต 13 จากนั้นรถกู้ภัยไทำแผลเบื้องต้นและส่งไปรักษาตัวต่อที่รพ.จุฬา อาการปลอดภัย ขณะที่บิดาของผู้บาดเจ็บแจ้งว่า ลูกชายบอกว่าถูกยิงขณะขี่รถจักรยานยนต์ บริเวณโรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง แต่ยังไม่แน่ชัด เนื่องจากคุยกันไม่นาน

ส่วนคนที่สองอายุ 20 ปี ถูกยิงบริเวณแยกดินแดง มุ่งหน้าแยกประชาสงเคราะห์ นำส่ง รพ.ราชวิถี ตรวจสอบไม่พบเอกสารแสดงตัว ถูกยิงบริเวณลำคอ วัตถุเป็นโลหะค้างที่บริเวณลำคอ ขณะนำส่งอาการหมดสติ ขณะนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่รพ.ราชวิถี รายสุดท้ายอายุ 16 ปี ถูกโลหะยิงเข้าที่บริเวณเท้าขวา รักษาตัวที่รพ.เพชรเวช และแพทย์ให้กลับบ้านแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวน

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีมีภาพเป็นชายยืนอยู่บนสน.ดินแดง และใช้ปืนยิงควบคุมสถานการณ์นั้น ยืนยันเป็นตำรวจจริง แต่เป็นการใช้กระสุนยางยิงข่มขู่ เพื่อป้องกันสถานที่ราชการ ไม่มีการใช้กระสุนจริง โดยจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสถานีตำรวจอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่ กล้องบางตัว สามารถจับภาพทิศทางการเคลื่อนที่ของผู้บาดเจ็บได้ชัดเจน ขณะที่กล้องบางตัวถูกผู้ชุมนุมนำวัสดุมาปิดกั้น และช่วงบ่ายวันนี้ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าไปจำลองเหตุการณ์ และตรวจวิถีกระสุนในระหว่างเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ากระสุนที่ผู้บาดเจ็บถูกยิงมาจากทิศทางใด แต่ยอมรับในพื้นที่้มีการใช้กระสุนจริงจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย ไม่ใช่ของตำรวจ

สำหรับยุทธวิธีการควบคุมฝูงชนนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า เป็นการปฏิบัติตามแผน และเครื่องมือที่ได้รับการอนุมัติจากมติครม.แล้ว ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่สามารถทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ผู้ชุมนุมมีอาวุธที่สร้างอันตรายกับตำรวจ และตำรวจจะเริ่มตอบโต้เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ความรุนแรง มีการเผาทำลายสถานที่ราชการ และจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวด้วยว่า มีประเด็นพิจารณา 3 ประเด็น 1.บช.น.ขอยืนยันว่า ตำรวจที่เข้าไปฏิบัติหน้าที่เรื่องการควบคุมฝูงชน ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมฝูงชน ซึ่งได้รับการอนุญาตให้ใช้ตามมติครม. ยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืนจริง 2.จากการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำบุคคลที่อยุ่ในที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บคนหนึ่งวิ่งมาจากโรงแรมปริ้นซ์ตันมาล้มลงบริเวณโรงบำบัดน้ำเสีย อีกรายอยู่บริเวนโรงบำบัดน้ำเสีย ซึ่งอยู่ไกลจากสน.ดินแดง พอสมควร มีข้อจำกัดในการมอง ทัศนวิสัย และสิ่งบดบัง

3.บริเวณที่เกิดเหตุมีผู้ชุมนุม และมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงอยากขอความร่วมมือ ถ้ามีบุคคลใครก็ตามที่รู้เห็นเหตุการณ์ หรือสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ ขอให้นำมามอบให้ทางพนักงานสอบสวน ซึ่งในคดีนี้ ทาง บช.น. จะตั้งพล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานสอบสวน เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนดำเนินการเรื่องนี้

ส่วนกรณีการแชร์ข้อมูลที่บอกว่าผู้ชุมนุมถูกกระป๋องแก๊สน้ำตาเข้าที่ใบหน้าจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทำหนังสือขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยรายละเอียดการรักษา และบาดแผลว่าเกิดจากอะไร โดย ผบช.น. กล่าวพร้อมกับนำกระป๋องแก๊สน้ำตามาแสดงต่อสื่อมวลชนว่า ส่วนที่เป็นโลหะเป็นปลอกกระสุน หลังยิงไปแล้วจะค้างอยู่ในลำกล้อง ส่วนที่ยิงออกไปคือวัสดุคล้ายยางทรงกระบอกที่ภายในบรรจุแก๊สน้ำตา เมื่อกระทบกับร่างกายจะไม่เกิดอันตราย และหากพบว่าผู้ใดมีการแชร์ข้อมูลที่ผิดก็จะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมในช่วงระหว่างเดือนก.ค.ถึงปัจจุบัน มีแล้ว 40 คดี ผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิด 309 คน จับแล้ว 152 คน และกำลังสอบสวนผู้ที่กระทำความผิดเพิ่มเติม

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน