เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดช่วงบ่ายยังคงมีประชาชน คณะบุคคล พร้อมแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวง เพื่อถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง โดยไม่หวั่นกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว
น.ส.อักษร มานะเฟรม อายุ 48 ปี พร้อมด้วยนายสุทธิ วัดสมัย อายุ 51 ปี สามีภรรยา ผู้พิการเดินไม่ได้ ก็มาร่วมถวายสักการะด้วย โดย น.ส.อักษร เปิดเผยว่า ตนและสามีตั้งใจเดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้จะเดินทางยากลำบาก เพราะต้องนั่งรถเข็นทั้งคู่ แต่โชคดีที่คนไทยมีน้ำใจ ช่วยพาตนและสามีเข็นรถมาถึงที่หน้าศาลาสหทัย
“พระองค์ท่านทรงมีบุญคุณกับดิฉันมาก ในช่วงปี 2537 ดิฉันเป็นเนื้องอกที่ขาข้างซ้าย ต้องรับการผ่าตัดแต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ในขณะนั้นก็ไม่มีเงินมากพอที่จะรักษาได้ ก็ทรงรับดิฉันไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระองค์ท่าน จนรักษาจนหายดี ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้น อย่างหาที่สุดมิได้” น.ส.อักษร กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
นายสุทธิ ผู้พิการเดินไม่ได้ เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุในปี 2541 กล่าวเสริมว่า ทุกวันนี้ตนทั้งสอง น้อมนำพระราชดำริของพระองค์ท่านมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หลักเศรษฐกิจพอเพียง พวกเราจะไม่ใช้จ่ายเกินรายได้ ประหยัดอดออม เราทั้งสองทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ตนเป็นช่างซ่อมบำรุงห้องเครื่อง ส่วนใหญ่ทำงานด้านเอกสาร หรือหากซ่อมได้ก็จะช่วยกันซ่อม ส่วนภรรยาทำงานด้านผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ พวกเราก็ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ โดยตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่และนำหลักความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง
ส่วนบรรยากาศบริเวณรอบสนามหลวง ยังคงมีประชาชนต่อแถวเพื่อเข้าถวายสักการะ บางส่วนที่ถวายสักการะพระบรมศพเสร็จแล้วก็ออกมาถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก บางส่วนก็ปักหลักหาที่ร่มนั่งพัก เพื่อรอรับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ที่จะเสด็จมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพในช่วงเย็น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่บรรยากาศร้านขายภาพและเหรียญที่ระลึก ย่านท่าพระจันทร์ มีประชาชนเดินเลือกซื้อพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงเหรียญที่ระลึกเนื่องในโอกาสต่างๆ และล็อกเกตห้อยคอ เพื่อเก็บไว้กราบไหว้บูชาจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศการค้าขายบริเวณดังกล่าวเป็นไปอย่างคึกคัก
