อัยการยื่นฟ้อง ‘เสี่ยโป้-เมีย’ ร่วมฟอกเงิน เปิดเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เป็นความผิดต่อ พรบ.การพนัน-พรบ.ป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงิน หลายกรรม
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ น.ส.จุฑามาศ จันที ภรรยา ฐานความผิดร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน,
ร่วมกันเข้าเล่นหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน อันเป็นความผิดต่อ พรบ.การพนัน เเละ พรบ.ป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงิน
โดยพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค.61 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับพวก ซึ่งหลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ
จำเลยทั้งสองกันพวกที่หลบหนีบังอาจร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์, โปรแกรมและแอพพลิเคชั่นต่างๆร่วมกันทำอุบายล่อร่วมกันช่วยประกาศ โฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันในการเล่นผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาต และร่วมกันเข้าเล่นพนันหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อพรบ.การพนัน
โดยจำเลยทั้งสองกันพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำซึ่งจัดได้เป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มจัดหาลูกค้าและชักชวนให้เล่นการพนัน เเละกลุ่มดูแลระบบ จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันฟอกเงินโดยจำเลยที่ 2 โอนเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ร่วมกันเข้าเล่นหรือร่วมเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่ง พรบ.การพนันอันเป็นความผิดมูลฐานตามความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาท ขึ้นไป ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนันและเป็นการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว อันเป็นการโอนรับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือเพื่ออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้งการจำหน่ายการโอนการได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอันเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ เหตุเกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน, แขวงบางหว้า ,เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครและท้องที่อื่นในราชอาณาจักรไทย
ท้ายคำฟ้องทางพนักงานอัยการขอศาลได้สั่งนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่อ.34/2564 ของศาลอาญาธนบุรีกับคดีหมายเลขดำที่อ. 981/2564 ของศาลนี้เเละนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2ในคดีอาญาหมายเลขดำที่อ.981/2564ของศาลนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ได้เเจ้งข้อหาตั้งเเต่วันที่ 22 ต.ค.61 เเละภายหลังทางพนักงานอัยการศาลเเขวงได้ตีกลับสำนวนให้สอบสวนเพิ่มเติมเเจ้งข้อหาฟอกเงินด้วย จนคดีมาเข้าสำนักงานอัยการคดีพิเศษ ซึ่งจำเลยทั้งสองถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ