โฆษกบช.น.แจงใช้กระสุนยางคุมม็อบ ตามหลักสากล เร่งพิสูจน์ผู้บาดเจ็บเกิดจากอาวุธชนิดใด จ่อเอาผิดคนปล่อยเฟคนิวส์ ย้ำชุมนุมผิดกฎหมาย ดำเนินคดีทุกราย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น.และโฆษกบช.น. แถลงว่า สถานการณ์การชุมนุมและการปฏิบัติในพื้นที่ชุมนุมวันนี้ จากข้อมูลด้านการข่าวมีการชุมนุม 4 จุด ได้แก่

กลุ่มแท็กซี่รักประชาธิปไตย บริเวณธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เวลา 05.00 น. มีผู้ร่วมชุมนุม 20 คน ซอยอารีย์ การชุมนุมเป็นด้วยความสงบ

กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎรชุมนุมบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เวลา 17.00 น.

กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ชุมนุมบริเวณหน้าศาลฎีกา เวลา 17.30 น.

กลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊ส นัดชุมนุมแยกดินแดง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.30 น.

หากมีการรวมกลุ่มอาจจะก่อความไม่สงบ การดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยไว้แล้ว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

“ส่วนการชุมนุมวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มพลเมืองโตกลับ กลุ่มศิลปินเพลงราษฎร์ ไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น กลุ่มทะลุแก๊สร่วมกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมตั้งแต่ 15.00 น. ก่อนเคลื่อนไปยังแยกปทุมวัน ผกก.สน.ปทุมวัน เข้าเจรจาเปิดการจราจร แต่ยังคงปิดการจราจร

มีการเผาหุ่นกลางแยกปทุมวัน ก่อนเดินทางไปยังสถานทูตเยอรมัน ถนนพระราม 1 ทำลายเครื่องกีดขวาง ก้อนอิฐปาใส่เจ้าหน้าที่ ตำรวจบาดเจ็บ 2 ราย เจ้าหน้าที่คฝ.ถอยร่นไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มีการขว้างปาวัตถุระเบิด ตำรวจจึงใช้กระสุนยางสกัด มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 2 ราย

เมื่อผู้ชุมนุมยื่นหนังสือตัวแทนสถานทูตแล้ว ชุมนุมถนนวิทยุ และใช้วัตถุประทัดคล้ายระเบิดขว้างปาบริเวณดังกล่าว ผบ.ตร.มีความห่วงใย สั่งการให้บช.น.รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำผิดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนก.ค.63 ที่ผ่านมา ดำเนินคดีทั้งหมด 783 คดี สอบสวนสั่งฟ้อง 385 คดี คงเหลือคดี 398 คดี” รองผบช.น. กล่าว

ส่วนกรณีผู้บาดเจ็บแพทย์สรุปผลว่าอย่างไร รพ.ตำรวจอยู่ระหว่างประสานรพ.จุฬาฯ ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดจากกระสุนยางนั้น สถานการณ์ที่เกิดระเบิดขึ้นก่อน แล้วมีการใช้กระสุนยาง ต้องพิสูจน์ทราบว่าสาเหตุเกิดจากสาเหตุใด

ส่วนการใช้กระสุนยางยืนยันการใช้ ไม่มีการใช้กระสุนจริง ส่วนระยะยิงขนาดไหน ต้องรอผลตรวจพิสูจน์ ระยะยิงปกติมีระยะการยิงไม่ต่ำกว่า 8-15 เมตร แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอยู่ในระยะใกล้หรือไกลกว่านั้น ส่วนภาพที่กลุ่มผู้ชุมนุมหมอบนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ทำเพราะเหตุผลใด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า กรณีการหมอบลงกับพื้น ที่น่าสนใจประเด็นที่ว่าผู้นำไปแชร์ในโลกออนไลน์ และบอกว่ามีความเสี่ยงหรือมีความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องตรวจสอบกรณีดังกล่าว เนื่องจากการแชร์ภาพหรือให้ข้อมูลบิดเบือน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ระบุข้อความว่าถูกยิงด้วยกระสุนจริง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบชัดเจนอยู่แล้ว ขอให้รอผลตรวจสอบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หากพบว่ากระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนเหตุที่เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนยางมีเหตุจำเป็นอย่างไรนั้น พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ใช้ เนื่องจากมีเหตุระเบิดเกิดขึ้น ยืนยันไม่มีการใช้อาวุธจริง ใช้โล่อุปกรณ์ป้องกันและการใช้กระสุนยาง เนื่องจากมีการใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ก่อน เป็นเหตุอันตรายเกิดกับเจ้าหน้าผู้ปฏิบัติ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้กระสุนยางระงับเหตุ

ส่วนกรณีไม่ให้ผ่านถนนอังรีย์ดูนังต์นั้น เพราะอาจจะส่งผลกระทบบริเวณโดยรอบ การจัดกำลัง และการรักษาความปลอดภัยบริเวณดังกล่าว ควรใช้ถนนพญาไท และถนนวิทยุ จะเหมาะสมกว่า

กรณีมีผู้บาดเจ็บจะต้องพิสูจน์ทราบว่าเกิดจากอาวุธชนิดใด ซึ่งต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำความผิด และกรณีข้อมูลการกล่าวหาในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งไร้พยานหลักฐานนั้น เป็นการสร้างความสับสนในสังคมให้เกิดความเกลียดชังเจ้าหน้าที่ จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บิดเบือนข้อมูลดังกล่าวอีกส่วนหนึ่งด้วย

ส่วนภาพรวมการชุมนุมเมื่อวาน(14พ.ย.) มีความผิดอย่างไรนั้น พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ ไว้ก่อน ส่วนข้อกล่าวหาอื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

ส่วนจะมีความผิดข้อหาหมิ่นศาลเผาหุ่นจำลองหรือทุบทำลายศาลจำลอง พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน จะรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีความผิดหรือไม่ ส่วนการทำให้เสียทรัพย์ จะดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม กรณีมีความเสียหายบริเวณแยกสารสินและสถานทูตเยอรมัน

รองผบช.น.ขอย้ำเตือนไปยังผู้ที่คิดก่อเหตุความไม่สงบ และผู้เข้าร่วมการชุมนุมฯ โดยผิดกฎหมายว่าหากก่อเหตุสร้างความเสียหายสร้างความเดือดร้อนในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทุกราย และขอแจ้งเน้นย้ำว่าขณะนี้ แม้กรุงเทพฯ จะถูกปรับให้เป็นพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวแล้วก็ตาม

แต่การชุมนุมฯ หรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรคนั้น ยังคงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 13 ลงวันที่ 28 ต.ค.2564 และพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการร่วมกิจกรรมการชุมนุมต่างๆ เพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยโดยรวมของประเทศชาติและประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน