กองปราบ ควบคุมตัวผู้ต้อง 116 คน คดีทุจริตโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ส่งให้อัยการพิจารณาฟ้อง พบเสียหาย 100 ล้าน เตรียมเอาผิดเจ้าของกิจการอีกกว่าพันราย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 พ.ย.2564 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดีร่วมกันฉ้อโกงในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. และ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง.ผบก.ป.

ร่วมกันนำตัวกลุ่มผู้ต้องหา 116 คน ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่ร่วมกันทุจริตเบิกเงินในโครงการนี้ ทั้งการเช่าห้องพัก, ซื้อสินค้าอาหาร โดยรู้เห็นกับเจ้าของที่พัก ทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณไปเกือบ 100 ล้านบาท เหตุเกิดใน 2 จังหวัด คือ จ.ภูเก็ต และ จ.ชัยภูมิ

พล.ต.ท.ชยพล กล่าวว่า นอกจากผู้ต้องหากลุ่มนี้ ก็ยังมีเจ้าของกิจการที่จะต้องถูกดำเนินคดีอีกเป็นจำนวนมาก เท่าที่ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ ททท. เข้าแจ้งความไว้แล้วกว่า 1,000 ราย พบความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนทำเรื่องส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละพื้นที่ดำเนินคดีต่อไปแล้ว

กองปราบ ควบคุมตัวผู้ต้อง 116 คน คดีทุจริตโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ส่งให้อัยการพิจารณาฟ้อง

กองปราบ ควบคุมตัวผู้ต้อง 116 คน คดีทุจริตโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ส่งให้อัยการพิจารณาฟ้อง

พล.ต.ท.ชยพล กล่าวต่อว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน มีผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน คือ เจ้าของโรงแรม ร้านค้าที่ร่วมโครงการ และภาคประชาชน เพราะมีคนบางกลุ่มมีแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง ไปใช้วิธีฉ้อฉลกับ โรงแรม ร้านค้า ที่มีแอพพลิเคชันถุงเงิน ส่วนภาคประชาชนที่มีแอพฯเป๋าตัง ที่เอาสำเนาบัตรประชาชน มาเปิดใช้สิทธิ์ และได้รับค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย บางรายได้เพียงหลักร้อย แต่ก็ต้องถูกดำเนินคดี

พล.ต.ท.ชยพล กล่าวอีกว่า ส่วนเงินที่ไปเข้ากระเป๋าทางโรงแรม ร้านค้า จะถูกดำเนินคดีทุกรายอย่างเด็ดขาด จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนคิดให้ดี รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว เรามีสิทธิ์ก็ใช้ตามปกติ แต่หากไปใช้ในทางที่ผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีไปด้วย

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวถึงวิธีนำบัตรประชาชนมาเปิดใช้สิทธิ์ว่า จะมีผู้รวบรวมสิทธิ์ไปเอาเลขบัตรประชาชน จากนั้นเข้าระบบสมัครใช้สิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกันตามปกติ โดยที่เจ้าของบัตรไม่ได้มีการไปพักโรงแรม ใช้จ่ายตามร้านค้าที่ร่วมโครงการจริง คดีนี้รัฐเป็นผู้เสียหาย ผู้ต้องหานับร้อยรายที่เป็นเจ้าของโรงแรม ร้านค้า ผู้รวบรวมสิทธิ์ ซึ่งนอกจากที่ จ.ชัยภูมิ และ ภูเก็ต แล้ว ยังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับโรงแรม และร้านค้าในจังหวัดอื่นๆอีกกว่า 1,000 คดี ความเสียหายประมาณ 2 พันกว่าล้าน

พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่คิดจะทำ แค่ได้รับผลตอบแทนไม่มาก แต่อาจต้องถูกดำเนินคดีในสถานหนัก ส่วนการดำเนินคดีเฟส 3 นั้น ทาง ททท.มีการแจ้งเบาะแสการทุจริตเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความ คาดว่าน่าจะอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน