พ่อร้องตร.ลูกวัย16 ถูกรถทับดับ พงส.แจ้งข้อหาเบา-สั่งไม่ฟ้องคู่กรณี พบพิรุธช่วยไม่ให้รับโทษ จี้ผบ.ตร.สั่งย้าย-สอบวินัย ให้กองปราบปรามทำคดีแทน

เมื่อวันที่ 17 พ.ย.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายธีรวัฒน์ วีระวัฒน์ ทนายความ พา นายเทพกานต์ คุ้มศีรษะ พร้อมภรรยา เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เจ้าของคดีว่า

ลูกชายวัย 16 ปี ประสบอุบัติเหตุถูกรถ 2 แถว ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เฉี่ยวชนจนเสียชีวิต แต่พนักงานสอบสวนกลับแจ้งข้อหาคู่กรณี “กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย” ซึ่งเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย และต่อมาพนักงานสอบสวนกับผู้บังคับบัญชายังร่วมกันมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการ โดยมี พ.ต.อ.จีระเดช ชมบุญ รอง ผบก.ผอ. นายตำรวจเวรรักษาการณ์เป็นผู้รับหนังสือ ไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

นายเทพกานต์ เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.64 เวลาประมาณ 11.40 น. ลูกชายขี่รถจักรยานยนต์ ไปบริเวณสี่แยกในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ปรากฏว่าถูกรถยนต์ 2 แถวรับจ้าง เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้ม และล้อทับศีรษะของลูกชายจนเสียชีวิต

จากนั้นคู่กรณีขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุห่างประมาณ 100 เมตร แล้วเดินมาดูสถานการณ์ ก่อนจะหลบหนีไป แต่ภายหลังคู่กรณีพร้อมทนายความเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยตำรวจแจ้งข้อหา กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ซึ่งข้อหาไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ตั้งข้อหา “กระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 แต่อย่างใด

ทั้งๆ ที่ขณะเกิดเหตุมีพยานบุคคลยืนยัน รวมทั้งยังพบพิรุธในการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้รับโทษ ซึ่งในการขอผลชันสูตรพลิกศพใหม่เป็นครั้งที่ 2 ให้แตกต่างจากโรงพยาบาลเดิม ที่มีผลชันสูตรว่าลูกชายของตนถูกล้อรถยนต์ทับศีรษะกะโหลกแตก อันเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ต่อมาประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 ตนได้รับหนังสือแจ้งผลการสอบสวน จากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ว่าสั่งไม่ฟ้องคู่กรณีด้วย รู้สึกเสียใจมาก

ด้านนายธีรวัฒน์ ทนายความ กล่าวว่า วันนี้มาร้องทุกข์ กับผบ.ตร.ให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งย้ายพนักงานสอบสวน กับผู้บังคับบัญชาออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ และขอให้จเรตำรวจแห่งชาติตั้งกรรมการสอบสวนวินัย อย่างร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาในความผิดที่เกี่ยวข้องด้วย ตลอดจนขอให้กองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าสอบสวนคดีนี้แทน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน