‘ผกก.โจ้’ ขึ้นศาล ปฏิเสธเจตนาฆ่าคดีคลุมถุงดำ รับทำร้ายจริง แต่ทำไปเพื่อประโยชน์ชาติ แค่ต้องการขยายผลทางคดียาเสพติดที่เป็นภัยร้ายของสังคม

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 พ.ย.64 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำที่อท.180/2564 พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผกก.โจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ อายุ 39 ปี จำเลยที่ 1 ,พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง อายุ 38 ปี จำเลยที่ 2 ,ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค อายุ 41 ปี จำเลยที่ 3, ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา อายุ 55 ปี จำเลยที่ 4 ,ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว อายุ 51 ปี จำเลยที่ 5 ,ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น อายุ 46 ปี จำเลยที่ 6 และ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว จำเลยที่ 7

ในข้อหาที่ 1. ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ป.อาญา ม. 157 2.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ม.172 3.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ป.อาญา ม.289(5) และ 4. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ป.อาญา ม. 309

สืบเนื่องจากนายจิระพงษ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเสียชีวิต ระหว่างถูกจับและควบคุมไว้ในคดียาเสพติดและถูกฆ่าถึงแก่ความตายขณะอยู่ในความความควบคุมของเจ้าพนักงาน เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4 – 6 ส.ค.64 ที่สภ.นครสวรรค์

ในวันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบคำให้การ และร.ต.จักรกฤณ์ กลั่นดี บิดาของนายจิรพงษ์ ขอยื่นเป็นโจทก์ร่วม โดยศาลถามอัยการโจทก์ และทนายจำเลย ไม่คัดค้าน อนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมได้

เมื่อศาลอ่านคำฟ้องและข้อหาให้จำเลยทราบแล้ว มีการสอบคำให้การจำเลย โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือผกก.โจ้ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหาที่ 1, 2 และ 4 ยกเว้นข้อหาที่ 3 ระบุเหตุผลว่า ยอมรับว่ามีการทำร้ายร่างกาย ต้องการขยายผลทางคดียาเสพติดที่เป็นภัยร้ายของสังคม ไม่ได้ต้องการให้นายจิรพงษ์ถึงแก่ความตาย ที่ทำไปเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ

จำเลยที่ 2 ให้การยอมรับสารภาพทุกข้อหา ยกเว้นข้อหาที่ 3 เช่นเดียวกัน ให้เหตุผลว่า ไม่ได้เจตนาจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เพียงอยู่ร่วมในเหตุการณ์ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา

จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธข้อหาที่ 3 และ 4 และให้เหตุผลว่า ได้เข้ามาที่เกิดเหตุภายหลัง และไม่ได้ร่วมทำร้ายผู้ตาย

จำเลยที่ 4 ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยกเว้นข้อหาที่ 4 ที่ให้การรับสารภาพ โดยเหตุผลในการปฏิเสธระบุว่า ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ร่วมทำร้ายจริง แต่ไม่เจตนาให้ถึงแก่ชีวิต

ส่วนจำเลยที่ 5-7 ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จำเลยที่ 5 และ 7 ให้เหตุผลว่าอยู่ในเหตุการณ์ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา แต่ไม่ได้ร่วมทำร้าย ส่วนจำเลยที่ 6 ระบุว่า เข้าไปในที่เกิดเหตุ แล้วเดินออกมา โดยเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นไปแล้ว

ต่อมาเวลา 11.30 น. ร.ต.จักรกฤณ์ กลั่นดี บิดาของนายมาวิน เปิดเผยว่า อัยการที่นครสวรรค์แนะนำให้ตั้งทนายความ เพื่อขอเป็นโจทก์ร่วม ซึ่งศาลได้เมตตา เพราะพึ่งขอยื่นเรื่องในวันนี้ ทำให้สามารถเป็นโจทก์ร่วมได้ และจะได้ทราบทุกขั้นตอนของกระบวนการกฎหมาย เมื่อฟังคำให้การของจำเลย ตนคิดว่าเขาก็ให้การสมเหตุสมผล ว่าเป็นการทำงาน เพื่อเป็นการขยายผลตดียาเสพติด แต่ก็สงสารลูก ทุกวันนี้ยังมองเห็นภาพลูกที่โดนกระทำ รับไม่ได้จริงๆ วันนี้จึงมารับทราบว่าเขาจะให้การอย่างไร และขอความยุติธรรมจากศาล และศาลได้นัดตรวจหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 19 ม.ค.65 เวลา 09.30 น.

เมื่อถามว่ ได้ฟังคำให้การของจำเลยแล้วมีความกังวลหรือไม่ ร.ต.จักรกฤณ์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วตนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้มากกว่านี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนการพิจารณาของศาลดีกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน