ศักดิ์สยาม อ้าง รถไฟขาดทุน 6 แสนล้าน ต้องหยุดเดินรถหัวลำโพง นำที่ดินมาพัฒนาหารายได้เชิงพาณิชย์ ฟุ้งปั้นรายได้ 8 แสนล้านบาทภายใน 30 ปี -วอนหยุดดราม่า พร้อมเปิดเวทีถกหาข้อสรุปบ่ายนี้ ยันพร้อมรับฟังทุกปัญหา
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสคัดค้านกระทรวงคมนาคมที่มีแผนที่จะยุติการเดินรถเข้าออกสถานีหัวลำโพง หรือสถานีกรุงเทพ หลังการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อ ว่า ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. มีภาระการบริหารงานขาดทุนต่อเนื่องล่าสุดขาดทุน 1.6 แสนล้านบาท และหากคิดเป็นจำนวนหนี้ที่ไม่ได้ลงบัญชีพบว่ามีผลขาดทุนมากถึง 6 แสนล้านบาท เป็นโจทย์ที่ รฟท.ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจะต้องเร่งแก้ไข
ซึ่งล่าสุดรฟท. ได้ตั้งบริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้ามาจัดทำแผนการพัฒนาและบริหารสินทรัพย์หรือที่ดิน ของ รฟท .เพื่อหารายได้เพิ่มและแก้ปัญหาขาดทุน ด้วยการนำที่ดินออกมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันมีหลายแปลงที่ต้องดำเนินการ คือ สถานีธนบุรีซึ่งบจะพัฒนาร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช ที่ดินบริเวณอาร์ซีเอ ที่ดินบริเวณสถานีแม่น้ำ ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของบริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ฯ เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ รฟท. มากถึง 8 แสนล้านบาท ภายใน 30ปี
“ขณะนี้สื่อมีการนำเสนอว่าหลายภาคส่วนกลัวจะกระทบการเดินทางของประชาชนหากยุติการเดินรถเข้าหัวลำโพง ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคมกำลังเร่งหามาตรการเพื่อแก้ปัญหา โดยจะนำรถ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)เข้ามาให้บริการเส้นทาง หัวลำโพง-บางซื่อ และประสานให้เอกชนเจ้าของสัมปทานเดินรถสายสีน้ำเงินหามาตรการซึ่งเป็นทางเลือกการเดินทางให้กับประชาชน”
นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า เรื่องจะหยุดเดินรถหัวลำโพงนั้นกระทรวงคมนาคมคุยเรื่องนี้กันมานานแล้ว ว่าต้องการให้บางซื่อเป็นศูนย์กลางระบบรางทั้งหมด เมื่อสถานีกลางบางซื่อสร้างเสร็จเราต้องทยอยลดการเดินรถโดยสารที่หัวลำโพง ซึ่งตามแผนระยะแรกจะลดลงให้เหลือ 22 ขบวนจากเดิม 118 ขบวน เพื่อไม่ให้กรุงเทพฯ มีปัญหารถติด ส่วนขบวนรถขนส่งสินค้านั้นมีแผนที่จะให้มาใช้ที่สถานีเชียงรากน้อยแทน จะได้ไม่ต้องนำรถเข้ามาขนสินค้าในเมือง
นายศักดิ์สยามกล่าวว่าช่วงบ่ายวันนี้ (22พ.ย.) จะหารือกับ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องดังกล่าวเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง ซึ่งจะต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการหยุดเดินรถที่หัวลำโพง รวมทั้งนำรับฟังความเห็นของประชาชนมาประเมินด้วยว่าแนวทางไหนให้ประโยชน์สูงสุด และจะดูแลคนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร หากในการหารือสามารถตอบคำถามประชาชนได้ทั้งหมดก็จะเดินหน้าหยุดการเดินรถที่หัวลำโพง แต่หากตอบคำถามได้ไม่หมด ทำแล้วกระทบ ก็อาจจะทบทวนการหยุดเดินรถ
“อย่าเพิ่งดราม่ากันมาก วันนี้ต้องมาดูอีกทีว่าการคงขบวนเดินรถไว้จะกระทบการจราจรในเมืองหรือไม่ หรืออาจจะต้องปรับเวลา แต่ยืนยันว่าการเปิดหัวลำโพงเพื่อเดินรถต่อมีภาระต้นทุนการบริหารงานแน่นอนซึ่งจะต้องประมินผลกระทบ ผมกล้าตัดสินใจอยู่แล้ว ใครจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่ว่าอะไร ผมอยากให้รถไฟตอบประชาชนว่าจะประกอบธุรกิจอย่างไร”
รายงานข่าวจาก รฟท.แจ้งก่อนหน้านี้ว่า รฟท.มีแผนจะยุติการเดินรถหัวลำโพงทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป
