ปลัด สธ. เผยสถานการณ์โควิดไทยลดลงต่อเนื่อง ย้ำมาตรการ VUCA ช่วยป้องกัน ‘โอไมครอน’ กับ โควิดทุกสายพันธุ์ ฉีดวัคซีนยังได้ 92 ล้านโดส

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของไทยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องตามการคาดการณ์ โดยภายใน ธ.ค.2564 สธ.ตั้งเป้าหมายควบคุมโรคให้มีผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 5 พันรายต่อวัน และเสียชีวิตไม่เกิน 30 รายต่อวัน

โดยวันนี้มีรายงานผู้ป่วยรักษาหาย 6,407 ราย มากกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ที่พบ 4,306 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 75,673 ราย เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 1,353 ราย และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 329 ราย อัตราครองเตียงลดลงทำให้มีเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วย และให้ทุกพื้นที่คงศักยภาพระบบการดูแลรักษารองรับผู้ป่วยไว้ก่อน

สำหรับผู้เสียชีวิตวันนี้มีรายงาน 37 ราย กว่า 92% เป็นผู้สูงอายุ 60 ปี และผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว และกว่า 70% ไม่เคยได้รับวัคซีน ดังนั้นขอให้ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน หรือยังรับวัคซีนไม่ครบโดส ออกมารับวัคซีน ซึ่งช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้

โดยช่วงนี้สธ.ให้ทุกพื้นที่จัดสัปดาห์รณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด 19 ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. – 5 ธ.ค.64 เพื่อให้ภาพรวมการฉีดวัคซีนของประเทศไทยถึงเป้าหมาย 100 ล้านโดส หรือ 50 ล้านคน ครอบคลุม 70% ของประชากร ขณะนี้ฉีดได้สะสม 92,658,390 โดส โดยเข็มแรกฉีดได้ 48,074,050 คน คิดเป็น 66.7% ของประชากร

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า การระบาดในขณะนี้พบในชุมชน ครอบครัว จากการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มกัน ได้แก่ งานศพ งานบุญ ศาสนพิธี งานเลี้ยงสังสรรค์ โดยมีสถานที่เสี่ยง คือ ตลาด แคมป์คนงาน โรงเรียน โรงงาน และร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านที่เปิดให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากใช้เวลากินดื่มนานขึ้น เปิดหน้ากากและพูดคุย ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ จึงควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าวให้มากที่สุด

ส่วนสถานการณ์เชื้อโควิดสายพันธุ์น่ากังวล “โอไมครอน” หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังการเดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มข้นทุกช่องทาง และสธ.ติดตามข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด

สำหรับประชาชนแนะนำให้ใช้มาตรการ VUCA ได้แก่

1.V วัคซีน ไปรับการฉีดวัคซีนเพื่อช่วยให้มีภูมิคุ้มกัน ลดอาการหนัก ลดการเสียชีวิต

2.U ใช้การป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) โดยสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือ ลดการสัมผัสใกล้ชิด

3.C COVID Free Setting ทุกกิจการร่วมกันทำสถานที่ให้ปลอดภัย สะอาด ลดความแออัด พนักงานและลูกค้าได้รับวัคซีนครบถ้วน

4. A ตรวจด้วย ATK เมื่อมีความเสี่ยง ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยให้ปลอดภัยจากโควิด 19 ได้ทุกสายพันธุ์รวมทั้งสายพันธุ์โอไมครอน

ปลัดสธ. กล่าวว่า ส่วนใหญ่แต่ละจังหวัดฉีดวัคซีนโควิดมากกว่า 50% แล้ว มีเพียง “แม่ฮ่องสอน” ที่ฉีด 45.2% โดยจังหวัดที่ฉีดไปแล้ว 70% มี 22 จังหวัด อย่างไรก็ตาม จังหวัดที่ฉีดน้อย อาจไม่ได้น้อยจริงๆ เพราะเป็นไปได้ว่า พื้นที่นั้นอาจไปฉีดวัคซีนในจังหวัดที่ใหญ่กว่า เนื่องจากอาจเป็นจังหวัดที่ได้วัคซีนมาก เพราะตอนนั้นติดเชื้อเยอะ เหมือนกรณีกทม. มีจังหวัดใกล้เคียงไปฉีดวัคซีน เป็นต้น แต่เพื่อความชัดเจน ขณะนี้ให้ทางระบบ “หมอพร้อม” ไปดำเนินการจำแนกการฉีดวัคซีนจริงๆ ของแต่ละพื้นที่อยู่ เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งประเทศ

แหล่งข่าวจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า สาเหตุที่แม่ฮ่องสอนฉีดวัคซีนน้อย เนื่องจากเดิมระบาดน้อย และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร คนไม่ค่อยกลัวโรคเท่ากับวัคซีน แต่หลังจากนั้นพื้นที่ระดมรณรงค์ฉีดวัคซีนกันมาก ทำให้ตัวเลขการฉีดในแต่ละอำเภอสูงขึ้น จากเดิมฉีดกันเพียง 10% ในเข็มที่ 1 ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 40% จนภาพรวมวันที่ 29 พ.ย. ฉีดเข็ม 1 จำนวน 50.16% และสิ้นปีน่าจะเพิ่มขึ้น

ส่วนคนแม่ฮ่องสอนไปฉีดวัคซีนในจังหวัดใกล้เคียงก็เป็นไปได้ น่าจะอยู่ประมาณ 5% หากกรณีประชากร 2.5 แสนคนก็น่าจะไปฉีดพื้นที่อื่น 5 พันคน เชื่อว่าจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้มากขึ้นแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน