โฆษกศาลยันโทษ ‘เปรมชัย’ คดีเสือดำ ศาลฎีกาสั่งจำคุกยืนตามอุทธรณ์ 2 ปี 14 เดือน พร้อมให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 นายสรวิศ ลิมปรังษี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา ในฐานะโฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า กรณีคดีฆ่าเสือดำของนายเปรมชัย กรรณสูต ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว แม้ว่ามีการแก้ไขพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแก้ไขเพิ่มเติมปี 2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 ร่วมกันรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า แต่ยังคงมีความผิดข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแก้ไขเพิ่มเติมปี 2562
ดังนั้นนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 คงจําคุก 2 ปี 14 เดือน นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน นายธานี จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน พร้อมให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 30 เม.ย.61 อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ยื่นฟ้องนายเปรมชัย นายยงค์ นางนที เรียมแสน และนายธานี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหา
ต่อมาวันที่ 19 มี.ค.62 ศาลจังหวัดทองผาภูมิพิพากษาจําคุกนายเปรมชัยคุก 16 เดือน นายยงค์ คุก 13 เดือน นางนที 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี และนายธานี คุก 2 ปี 17 เดือน โดยยกฟ้องจำเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย ศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติและข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน
ต่อมาวันที่ 24 พ.ค.62 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา จากนั้นวันที่ 12 ธ.ค.62 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์
โดยจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ 2 ปี 17 เดือน จำคุกนางนที เรียมแสน 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษให้ตามศาลชั้นต้น และจำคุกนายธานี 2 ปี 21 เดือน
หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 จึงมีคำสั่งไม่ฎีกา
ครั้งต่อมาวันที่ 31 มี.ค.63 จำเลย 3 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย นายยงค์ และนายธานี ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา และอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้แก้ฎีกาเรียบร้อยแล้ว จนศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุกจำเลยในวันนี้