ผู้ประกอบการ ค้านยกเลิก Test&Go หวั่นต่างชาติไม่มา หวนล็อกดาวน์ ทำเดือดร้อน ทั้งที่ท่องเที่ยวเพิ่งฟื้น ฟาดรัฐปั่นให้กลัวโอมิครอนเกินเหตุ ชี้ สธ.รู้ดีว่าไม่รุนแรง อาการน้อย

วันที่ 21 ธ.ค.64 ชมรมผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากโควิด ประมาณ 30 คน เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข (สธ) เพื่อยื่นหนังสือถึง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. เพื่อคัดค้านไม่ให้มีการล็อกดาวน์ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อน หลังมีกระแสจะชะลอการเดินทางเข้าประเทศแบบ Test&Go

โดยมีการชูป้ายข้อความเรียกร้องต่างๆ เช่น คนทำมาหากินยังไม่ทันลืมตาอ้าปาก ก็จะมาปิดกันอีกแล้ว , คนจะทำมาหากิน ปั่นให้กลัวอยู่ได้ , เรากลัวอดตาย ไม่กลัวโควิด , หยุดหมอทำท่องเที่ยวพังพินาศ , หยุดให้แพทย์ไม่กี่คนมาตัดสินชะตาประเทศ โอมิครอนไม่รุนแรง เราต้องอยู่กับโรคให้ได้ ทั้งนี้ มีรอง ผอ.ศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สธ.เป็นผู้รับหนังสือแทน

น.ส.อริศรา ยืนยาว ผู้แทนชมรมผู้ประกอบการฯ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้ ศบค. สธ.หยุดสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน และยุติการปั่นที่ก่อให้เกิดความกลัวต่อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน 2.เรียกร้องไม่ให้มีการล็อกดาวน์ ปิดประเทศเหมือนที่เคยเป็นมา เพราะสร้างความเดือดร้อน ความเสียหายใหญ่หลวงต่อธุรกิจภาคท่องเที่ยว-อีเวนต์

3.เพื่อให้ประกาศว่าโควิดเป็นโรคประจำถิ่น เป็นแล้วรักษาหายได้ ไม่ต่างจากไข้หวัด 4.เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ ไม่ตื่นกลัวเกินเหตุ 5.เพื่อหมุนวงล้อเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนประเทศต่อไป อย่าทำลายการท่องเที่ยวที่เป็นดังเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ และ 6.เพื่อให้ใช้เพียงมาตรการ Test&Go เท่านั้นกับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ ชมรมผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากโควิด จัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะกิจจากกลุ่มเพื่อนที่ทำมาหากินในอาชีพเดียวกันหรือคล้ายกัน โดยสมาชิกของชมรมส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการจัดงานอีเวนต์

การรวมตัวกันครั้งนี้ เพื่อมาชุมนุมเรียกร้องอย่างสันติ และขอเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการกักตัวนักท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการที่ให้งดจัดงานเคานต์ดาวน์เฉลิมฉลองปีใหม่ในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนในธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นได้รับความเดือดร้อนหนักถึงขีดสุด

“จากข่าวการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจำนวน 60 กว่ารายที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า สธ.โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สธ. เตรียมยกระดับเพื่อรับมือกับการระบาดครั้งนี้ เช่น มาตรการกักตัวนักท่องเที่ยว ซึ่งทางชมรมกลัวเหลือเกินว่าจะมีนโยบายจากรัฐและ ศบค.ให้ล็อกดาวน์ จนนำไปสู่การปิดประเทศอีกครั้ง เหมือนที่เคยทำมา ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวทั้งร้านอาหาร โรงแรม มหรสพ อีเวนต์ ฯลฯ จนแทบสิ้นเหนือประดาตัว”

น.ส.อริศรา กล่าวว่า เมื่อนายกฯ ประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ภาคการท่องเที่ยวก็เหมือนถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ ประชาชนในประเทศออกมาจับจ่าย กิน เที่ยว ประหนึ่งเหมือนหลุดออกจากถ้ำแห่งการถูกกักขังมานาน กงล้อเศรรษฐกิจเริ่มจะหมุนเคลื่อนคัวช้าๆ เริ่มเห็นแสงรำไรที่ปลายอุโมงค์

ขอเรียนว่าสิ่งที่น่ากลัว ไมใช่โควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่มาใหม่ หรือสายพันธุ์ใดที่มาก่อน แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ทำร้ายคนทั่วประเทศและทั่วโลก คือ การปั่นกระแสให้คนเกิดความกลัวเกินเหตุ โดยการประโคมข่าวจากสื่อทุกสื่อแทบจะไม่มีข่าวใดให้หลงเหลือความเชื่อมั่นในระบบการท่องเที่ยวได้เลย

ดังนั้น ขอท่านได้โปรดหยุดรับฟังข้อเรียกร้องของชมรมฯ ที่เดือดร้อนจากโควิดสักครั้ง ขอโปรดอย่าบริหารผิดซ้ำด้วยการล็อกดาวน์ ปิดประเทศอีกเลย โควิดเป็นแล้วรักษาหายได้ 99% ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ตัวเลขเสียชีวิตมีไม่ถึง 1% และที่ตายเพราะมีโรคประจำตัว สถิติเหล่านี้ สธ.และศบค.ทราบดี

“ด้วยนโยบายการปิดประเทศที่เคยทำมาจนเสียหายหลายล้านล้านบาท เป็นสิ่งที่ควรนำมาทบทวนก่อนจะทำผิดซ้ำอีกครั้ง เพียงเพราะกลัวโรคที่ควรจะเป็นโรคสามัญประจำถิ่น ประชาชนขอฝากความหวัง ฝากชีวิตไว้ที่ท่านนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงสาธารณสุข” น.ส.อริศรา กล่าว

น.ส.อริศรากล่าวว่า ชมรมมีสมาชิกมากกว่า 2,000 คน ในหลากหลายอาชีพ โดยมากกว่า 80 % อยู่ในอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ที่มายื่นเรื่องไม่ได้ต้องการต่อต้านแพทย์หรือกระทรวงสาธารณสุข แต่อยากชี้ให้เห็นถึงความเดือดร้อน

โดยที่ผ่านมา 2 ปีธุรกิจแทบสิ้นเนื้อประดาตัว มีการสูญเสียทางธุรกิจราว 6 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ แต่เมื่อมีการเปิดประเทศเกิดขึ้น ธุรกิจก็เริ่มเห็นสัญญาณที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัวค่อยๆไต่ระดับดีขึ้น

อย่างส่วนตัวจากเดิมธุรกิจร้านอาหารขายได้วันละ 2-3 หมื่นบาท เริ่มเป็น 1 แสนบาทต่อวัน จึงอยากให้คงมาตรการ Test&Go ไว้ เพราะเป็นทางสายกลางสร้างสมดุลแล้วและอย่าล็อกดาวน์ ปิดประเทศอีก

“ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 100 ล้านโดสแล้ว ไม่ได้แปลว่าโควิดจะไม่มี แต่ต้องอยู่กับมันให้ได้ ต้องหามาตราการตรงกลาง โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นไฮซีซั่น เปิดประเทศมาคาดหวังจะไม่กลับไปสู่จุดเดิมอีก เพราะบางคนใช้เงินก้อนสุดท้ายมาสู้ธุรกิจอีกครั้ง โดยหวังจะจัดงานช่วงปีใหม่

หากมีการยกเลิกTest and Go แล้วกลับไปใช้การกักตัว 14 วัน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากมา และทำให้ขาดความเชื่อมั่นทั้งต่อนักท่องเที่ยวและนักลงทุน และเป็นสัญญาณที่อาจจะนำไปสู่การล็อกดาวน์อีก” น.ส.อริศรากล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน